"ปรเมศวร์" ฉะ ตำรวจยึดควาย "พี่คล้าว" ความซวยกำลังมาเยือน ไม่เข้าข่ายฉ้อโกง!!

"ปรเมศวร์" ฉะ ตำรวจยึดควาย "พี่คล้าว" ความซวยกำลังมาเยือน ไม่เข้าข่ายฉ้อโกง

จากกรณีที่นายสุรัตน์ เกตุแผ้ว อายุ34ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ต.สุขเดือนห้า อ.เนินขาม จ.ชัยนาท เจ้าของภาพควายยิ้ม ที่เป็นขวัญใจชาวโซเชียล และต่อมาได้มีการขอรับบริจาคเงินเพื่อซื้อควายแสนรู้เพศผู้ ที่สามารถยิ้มได้ เนื่องจาก เจ้าของที่นำมาฝากเลี้ยงไว้บอกว่าจะขาย และให้โอกาสกับนายสุรัตน์หาเงินมาซื้อเพื่อนำไปเลี้ยง จนมีผู้ใจบุญร่วมบริจาคเงินเพื่อซื้อ เจ้าทองคำ ควายแสนรู้ยิ้มได้ ตัวนี้ ได้สำเร็จ  โดย “เจ้าทองคำ” ควายยิ้มเพศผู้ วัย 5 ปี เป็นควายที่เจ้าของมาฝากให้เขาเลี้ยง ร่วมกับควายเพศเมียอีก 2 ตัว และเจ้าของกำลังจะขายควายทั้งหมดที่ฝากไว้ รวมถึงเจ้าทองคำด้วย ในราคาตัวละ 1 แสนบาท

"ปรเมศวร์" ฉะ ตำรวจยึดควาย "พี่คล้าว" ความซวยกำลังมาเยือน ไม่เข้าข่ายฉ้อโกง!!

โดยในเวลาต่อมานั้น นายสุรัตน์ แผ้วเกตุ หรือ พี่คล้าว 2018 พร้อมด้วยภรรยา และพ่อตา เดินทางมายังสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย และการบังคับคดีจังหวัดชัยนาท เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษาแนวทางด้านกฎหมาย โดยมีนายมนตรี สิงหะ อัยการจังหวัด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่นิติกรกรมคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพกระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่นิติกร สำนักงานยุติธรรม จังหวัดชัยนาท มาร่วมพูดคุย และให้คำปรึกษาเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับคดีความ

"ปรเมศวร์" ฉะ ตำรวจยึดควาย "พี่คล้าว" ความซวยกำลังมาเยือน ไม่เข้าข่ายฉ้อโกง!!

ด้าน นายมนตรี สิงหะ อัยการจังหวัดชัยนาท เผยว่า สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดชัยนาท ได้มีแนวทางเรียกคู่กรณีมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกัน เพื่อยุติเรื่องราวที่เกิดขึ้น และแนะนำให้นายสุรัตน์ไปพบกับพนักงานสอบสวนที่ สน.คันนายาว เมื่อได้รับหมายเรียก และหากเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายสุรัตน์ไว้ทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดเตรียมขออนุมัติเงินกองทุนกองทุนยุติธรรม เพื่อจะดำเนินการทำเรื่องขอประกันตัว ในส่วนข้อหาผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เกี่ยวกับการเรี่ยไรที่ทางเจ้าที่เตรียมจะทำการแจ้งข้อหากับนายสุรัตน์ ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมีเจ้าทุกข์ออกมาร้องทุกข์กล่าวโทษหรือไม่ ถ้าหากมี ก็นายสุรัตน์ก็จะต้องทำการคืนเงินให้กับเจ้าทุกข์ ซึ่งขณะนี้ตนเองมองว่านายสุรัตน์ยังไม่มีการที่ใช้เงินไปในทางที่ไม่ดีหรือผิดวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค

"ปรเมศวร์" ฉะ ตำรวจยึดควาย "พี่คล้าว" ความซวยกำลังมาเยือน ไม่เข้าข่ายฉ้อโกง!!

 

สืบเนื่องจากกรณีดราม่าที่เกิดขึ้นนั้น ในรายการทุบโต๊ะข่าวอมรินทร์ ได้ไปสัมภาษณฺแนวทางของคดีดังกล่าว โดย นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีสำนักงาน ชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า จากกรณีของนายสุรัตน์ แผ้วเกตุ มีการโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กตัวเองว่าต้องการอยากจะซื้อควายตัวนี้ ซึ่งก็ไม่ได้หลอกลวงใครว่าจะไถ่ชีวิตโคหรือควายจากโรงฆ่าสัตว์ ซึ่งข้อเท็จจริงคือ นายสุรัตน์เลี้ยงควายแล้วเกิดความผูกพันจึงอยากได้ควายมาเลี้ยง และหลังการโพสต์ก็ได้รับเงินมาตามวัตถุประสงค์เรียบร้อยแล้ว

"ปรเมศวร์" ฉะ ตำรวจยึดควาย "พี่คล้าว" ความซวยกำลังมาเยือน ไม่เข้าข่ายฉ้อโกง!!

 

สิ่งที่น่าสนใจ คือเหตุใดเจ้าของควายซึ่งรับเงินไปแล้ว และได้มีการซื้อขายและส่งมอบเสร็จสิ้นแล้ว โดยควายเป็นของนายสุรัตน์ แต่ต่อมาเจ้าของควายกลับนำเงินมาคืนเจ้าหน้าที่ตำรวจและให้ตำรวจไปยึดควาย ทั้งที่คดีนี้เป็นคดีแพ่ง ตำรวจจะยึดควายไปเลี้ยงทำไม และหากควายตาย ตำรวจจะซวย และต้องรับผิดชอบ เพราะเลี้ยงในโรงพัก

 

ส่วนข้อมูลที่เจ้าของควายใช้คำว่า ”ไถ่ควาย” ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดนั้น จะต้องมองกันตามข้อเท็จจริงว่า นายสุรัจน์ต้องการเงินช่วยซื้อควาย แล้วต่อมาจึงนำเงินก็ไปซื้อควายมาเลี้ยงจริง ๆ ซึ่งก็ไม่มีส่วนไหนที่เป็นข้อความอันเป็นเท็จตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แล้วการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจการยึดควายมา เพราะ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ได้อย่างไร เพราะ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์คือการยึดข้อมูล ยึดคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่การยึดควาย

นายปรเมศวร์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่มีทนายความท่านหนึ่งบอกว่า ตัวเองบริจาคเงินทำบุญไปแล้ว 100 บาท แต่ไปแจ้งความจับนายสุรัตน์นั้น ตนมองว่าอาจเป็นความเข้าใจผิดหรือไม่ หากอยากทำบุญ ก็ไปเอาเงิน 100,000 บาท คืนเจ้าของควาย แล้วเอาควายคืนคนซื้อ เรื่องก็จบ แต่เหตุที่เจ้าของควายไม่กล้ารับเงินคืน อาจเป็นเพราะเจ้าของควายคงกลัวว่าตัวเองจะผิดด้วย ทั้งที่การซื้อขายได้เสร็จสมบูรณ์

นอกจากนี้ ส่วนตัวมองว่าข้อหาฉ้อโกง ก็ไม่น่าจะเข้าข่ายความผิด เพราะเขาโพสต์ในข้อความว่าเขาต้องการเอาควายมาเลี้ยง ไม่ใช่โพสต์ว่าจะไถ่ถอนโคกระบือจากโรงฆ่าสัตว์ ถ้าโพสต์แบบนั้นอาจจะผิด แต่หากถามว่าการโพสต์ในลักษณะนั้นจะเป็นการสร้างความเข้าใจผิดกับคนอ่านหรือไม่ ก็มีโอกาสเป็นไปได้ ซึ่งส่วนนี้ต้องให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน

นอกจากนี้ นายปรเมศวร์ กล่าวอีกว่า ตนมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง หากเอาเงินคืน แล้วรับควายคืนก็จบแล้ว ไม่ได้เป็นการไปหลอกลวงฉ้อโกงใคร ซึ่งการรับซื้อควายก็เสร็จสิ้นไปแล้ว จึงไม่เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่มองว่าฉ้อโกง แล้วนำควายเป็นของกลางในคดีได้อย่างไร

 

ขอบคุณคลิปจาก ทุบโต๊ะข่าวอมรินทร์