"มาร์ค" จี้คสช.ปฏิรูปตามที่รับปากไว้ - ยกประเด็นหลักมาสานต่อ อย่ามุ่งแต่แก้รธน. !!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" จี้คสช.เร่งปฏิรูปตามที่ได้ประกาศไว้ เน้นนำประเด็นหลักมาสานต่อเพื่อให้เกิดแรงเหวี่ยงหลังเลือกตั้ง อย่ามุ่งแต่รัฐธรรมนูญอย่างเดียว - เชื่อปีนี้จะมีแรงกดดันจากต่างชาติเรื่องเศรษฐกิจ ... กำชับ "พล.อ.ประยุทธ์" งัดจุดแข็งมาใช้ในการทำงานแก้ปัญหาให้ครบทุกเรื่อง ...

 

วันนี้ (1 ม.ค. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอวยพรปีใหม่ ว่า ขอให้คนไทยสมหวัง และให้ปี 2559 เป็นปีแห่งความหวังว่าบ้านเมือง สังคม เศรษฐกิจจะดีขึ้นเพื่อประชาชนไทยทุกคน จึงอยากให้คสช.เร่งปฏิรูปตามที่ประกาศไว้เพราะระยะเวลาที่เหลืออยู่ปีเศษ หากรัฐบาลจะหยิบเรื่องหลักมาทำให้เป็นผลสำเร็จจะช่วยให้เกิดแรงเหวี่ยงให้การปฏิรูปเดินต่อได้หลังการเลือกตั้งคือ ทำให้ระบบการเมืองดีตอบสนองส่วนรวมลดความรุนแรง ไม่ใช่มุ่งไปที่รัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว แต่ควรมุ่งที่สื่อ กระบวนการยุติธรรมและการป้องกันปราบปรามการทุจริตรวมถึงการกระจายอำนาจด้วย หากทำได้ก็จะทำให้เห็นชัดว่าการเมืองหลังการเลือกตั้งจะไม่เหมือนเดิม
         


"ถ้าพยายามปฏิรูป 11 ด้านทำได้อย่างละนิดอย่างละหน่อยจะไม่เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริงเพราะที่ผ่านมายังมองไม่เห็นว่ารัฐบาลปฏิรูปอะไรไปแล้วบ้าง ถ้าบอกว่าปฏิรูปแล้วแต่ประชาชนยังไม่เห็นภาพชัดเจนก็ต้องพิจารณาใหม่ ผมอยากให้ประกาศว่าจะดำเนินการสิ่งเหล่านี้ในปี 2559 แม้จะไม่สำเร็จภายในปีเดียวแต่ต้องมีความชัดเจน เพราะตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนในทิศทางว่าจะปฏิรูปอย่างไร เช่น กระบวนการยุติธรรม ตำรวจ อัยการ กระบวนการศาลปรับปรุงอย่างไรจะทำให้การปฏิรูปชัด เพราะขณะนี้มีการใช้มาตรา 44 ให้อำนาจ ผบ.ตร.แต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ซึ่งเป็นการรวมศูนย์อำนาจสวนทางกับการปฏิรูปตำรวจที่ต้องการให้มีการกระจายอำนาจ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
         


นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การปฏิรูปบางเรื่องสามารถตรากฎหมายได้โดยไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้คำนึงด้วยว่าความยั่งยืนในการปฏิรูปไม่ได้อยู่ที่กฎหมายเท่ากับกระแสสังคมกดดันให้รัฐบาลเลือกตั้งต้องสานต่อ เพราะเมื่อถึงเวลาเลือกตั้งสังคมจะสอบถามพรรคการเมืองว่าจะสานต่ออย่างไรแต่ถ้าเขียนในรัฐธรรมนูญสังคมไม่ขานรับไม่มีการกดดันอาจไม่เป็นผลตามที่ต้องการ
         


นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะกำหนดการปฏิรูปให้เป็นหน้าที่ ครม.หากไม่ทำต่อต้องพ้นจากตำแหน่ง ว่า ขึ้นอยู่กับปัจจัยว่ากลไกถอดถอนคืออะไร ทั้งนี้ตนเห็นว่าการประกาศเรื่องที่จะปฏิรูปแล้วนำไปลงประชามติจะสร้างความชอบธรรมที่สุด เพราะรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งจะต้องรับผิดชอบกับประชาชน ดังนั้นในปีเศษ ๆ ที่เหลืออยู่ควรจัดลำดับความสำคัญเรื่องการปฏิรูปในเรื่องใหญ่ ๆ เพราะโครงสร้างที่เป็นอยู่ตอนนี้ สปท.ไม่มีอำนาจแต่คนมีอำนาจคือรัฐบาลกับสนช.
         


นายอภิสิทธิ์ เชื่อด้วยว่า ในปี 2559 จะมีแรงกดดันจากต่างประเทศกดดัน จากเศรษฐกิจ จากต่างประเทศในแง่ที่ทำให้รัฐบาลต้องผ่อนคลายข้อจำกัดเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพ ซึ่งจะทำให้งานของ คสช.และรัฐบาลมีความยากและท้าทายมาก ต้องหนักแน่นมั่นคงชัดเจน ไม่มีเรื่องให้ประชาชนคลางแคลงใจ โดยตัวเองต้องเป็นตัวอย่างการปฏิรูปก่อนที่จะบอกให้นักการเมืองเปลี่ยนแปลงตัวเอง พร้อมยกกรณีอุทยานราชภักดิ์ว่าเป็นตัวอย่างหนึ่งที่จะบอกมาตรฐานการเมืองหลังการปฏิรูปได้จากการปฏิบัติของรัฐบาล เพราะรัฐบาลยังไม่ชี้แจงอย่างเพียงพอบอกแต่ให้รอผลสอบของกระทรวงกลาโหม อย่างไรก็ตามมีโจทย์สองข้อที่ต้องตอบคือความรับผิดชอบทางการเมืองและความรับผิดชอบทางกฎหมาย รวมทั้งข้อเท็จจริงที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งเงินบริจาคและงบประมาณต้องตอบให้ครบ จะสรุปว่าไม่ผิดหรือผิดเล็กน้อยแล้วไม่มีความชัดเจนจะไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้น อีกทั้งการมีกรรมการสอบสองชุดก็ต้องชัดเจนด้วยว่าแต่ละชุดมีขอบเขตดำเนินการอย่างไร รวมถึงองค์กรอิสระทั้งปปช.และสตง.ที่ตรวจสอบก็ต้องคิดถึงการรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กรตัวเองด้วย ไม่เช่นนั้นประเทศจะอ่อนแอลง
         


"นายกฯ ต้องใช้ประโยชน์จากการที่สังคมมีความเชื่อมั่นว่าเป็นคนตรงและรักษาเอาไว้เป็นภูมิคุ้นกันที่ดีที่สุด รักษาไว้ด้วยการปฏิบัติให้เห็นจะเป็นจุดแข็งที่ทำให้งานเดินได้ ต้องทำให้ครบทุกเรื่องเมื่อมีเรื่องกระทบกับรัฐบาลด้วย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
         


ส่วนกรณีที่การแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระทำในช่วงรัฐบาลคสช.และมีที่มาไม่เป็นไปตามปกตินั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อกระบวนการสรรหาผ่านไปแล้วคนที่เข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต้องรับผิดชอบกับประชาชน
         


ผู้สื่อข่าวถามว่า องค์กรอิสระเกือบทั้งหมดขณะนี้แต่งตั้งในยุคคสช.จะถูกครอบงำเหมือนในยุคทักษิณที่เคยเกิดขึ้นหรือไม่ ?

 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าย้อนกลับไปในยุคทักษิณก็จะเป็นการตอกย้ำว่าไทยยังไม่หลุดพ้นวิกฤต แต่ในระยะเวลาที่ผ่านมานายกฯ พูดชัดเรื่องการสนับสนุนคืนสู่ประชาธิปไตยก็ต้องดูว่าจะดีกว่าในอดีตอย่างไร เพราะปัญหาไม่ใช่มีประชาธิปไตย มากไปแต่เป็นเพราะไม่ได้มี ประชาธิปไตยที่แท้จริงในทุกมิติ ถ้าคิดว่า ประชาธิปไตยมีมากไปเช่น จะปฏิรูปสื่อด้วยการเอาตำรวจมาคุมไม่ใช่การปฏิรูปจึงต้องตั้งโจทย์ให้ถูกด้วย
         


"หวังว่าคำพูดที่บอกประชาธิปไตยและนักการเมืองไม่ดีจะไม่ใช้เป็นหลักเพราะไม่ใช่ความจริง ระบบบประชาธิปไตยดีที่สุดแต่มีคนทำลายประชาธิปไตยก็ต้องแก้ไขคนที่จะเข้าสู่ระบบประชาธิปไตยเพื่อให้ระบบทำงานได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว