"ตู่" อัดรบ.ความคิดเลอะเทอะ ให้ปลูกมั่วแก้ปัญหายาง -  จี้นายกฯโชว์จุดยืนตั้ง "สังฆราช"

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

"จตุพร พรหมพันธุ์" ปากดี !! อัดรัฐบาลให้ปลูกพืชผักมั่วซั่วเพื่อแก้ปัญหาราคายาง เป็นความคิดที่เลอะเทอะ ยิ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อนไปใหญ่ ?? - จี้ "พล.อ.ประยุทธ์" แสดงจุดยืนแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ย้อนถาม จะยึดกฎหมายสงฆ์หรือเชื่อ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" ??

 

วันนี้ (11 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล โดยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แสดงจุดยืนกรณีแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ว่า จะยึดตามกฎหมายคณะสงฆ์ หรือเลือกเชื่อฟังพระพุทธะอิสระ ซึ่งเป็นพระอาจารย์และผู้นำทางจิตวิญญาณของแกนนำ คสช.

 

นายจตุพร กล่าวว่า คณะสงฆ์ในประเทศไทยมี 2 นิกายสำคัญ คือ ธรรมยุต และมหานิกาย โดยทั้งสองนิกายได้ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักศาสนาร่วมกันอย่างมีความสุข แต่เมื่อพุทธะอิสระกับพวก และสาวก เคลื่อนไหวเสี้ยมให้คณะสงฆ์ขัดแย้งกันเพื่อล้มการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชตามกฎหมายคณะสงฆ์ แต่ตนเชื่อว่าทำไม่สำเร็จ รวมทั้งสุดท้ายจะได้เห็นทัพของสงฆ์จะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในขณะนี้ ได้มีพระพุทธะอิสระกับพวกประมาณ 3-4 คน พยายามบ่งการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจะฟังพระอาจารย์ทางจิตวิญญาณมากกว่าฟังประชาชน และมหาเถรสมาคมหรือไม่ แต่การปรากฏภาพถ่ายของ พล.อ.ประยุทธ์ และแกนนำ คสช. คุกเข่าต่อหน้าพุทธะอิสระย่อมอธิบายได้อย่างชัดเจนถึงการไม่กล้าจัดการกับพุทธะอิสระ

 

กฎหมายคณะสงฆ์ ปี 2535 กำหนดการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชไว้ในมาตรา 7 โดยระบุว่า พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุด โดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช แต่ในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นผู้มีอาวุโสโดยสมณศักดิ์รองลงมาตามลำดับ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช

 

สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง วรปุญฺโญ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กทม. เป็นสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ในขณะนี้ ด้ังนั้น จึงเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายคณะสงฆ์ที่จะได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ แต่พระพุทธะอิสระกับพวกกล่าวหาสมเด็จช่วงว่า เป็นพระอุปชาของพระธัมมชโย ซึ่งถูกกล่าวหาในคดีความมากมาย จึงไม่มีความเหมาะสมในการเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่

 

"คณะสงฆ์จะจับมือกันทุกนิกายเพื่อปกป้องศาสนา เพราะถ้าให้ฝ่ายอาณาจักรแทรกแซงศาสนาจะเกิดการต่อต้านครั้งใหญ่ และวันนี้ไม่ใช่เรื่องมหานิกายหรือธรรมยุต แต่เป็นเรื่องการยึดกฎหมายคณะสงฆ์หรือการยืนข้างพุทธะอิสระ ถ้ายืนข้างพุทธะอิสระแล้ว วันหนึ่งจะได้เห็นว่า พระทั้งประเทศมีจริง" นายจตุพร กล่าว


ส่วนการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลไม่มีเงินมาชดเชยราคายางพาราตามที่ชาวสวนเรียกร้องในราคา 60 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว รัฐบาลควรเริ่มต้นช่วยตัวเองเป็นเบื้องต้น โดยวัสดุ อุปกรณ์ทุกอย่างในประเทศควรทำมาจากยางพาราว่าอะไรใช้ยางพาราได้ ต่อไปนี้ต้องทำจากวัสดุที่มาจากยางพาราทั้งสิ้น

 

วันนี้ถ้าตั้งหลักด้วยการยอมรับความจริงว่า ยางพาราเป็นปัญหาแล้ว ควรเริ่มพูดคุย จับมือกับกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเริ่มต้นจากประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย เพื่อวางยุทธศาสตร์ยางกันใหม่รวมกัน ด้วยการเอายางเป็นวัสดุใช้ในประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะทำให้ปริมาณในประเทศเหลือน้อย ราคาจะขึ้นโดยอัตโนมัติ ดังนั้น ถ้าไม่วางแผนเป็นระบบเรื่องยางพาราไม่มีวันจบ ไม่มีอนาคต แต่การเสนอแนวทางต่างๆเพื่อให้ชาวสวนยางปลูกเสริมหรือทดแทนราคายางตกต่ำ ทั้งแนวคิดปลูกสะตอ ลูกเนียง กล้วยหอมทอง และสตรอว์เบอร์รี ล้วนเป็นความคิดที่เลอะเทอะ เพราะต้องโค่นต้นยางทิ้ง เพื่อปลูกใหม่ ถ้านำมาปลูกแทรกแสงแดดก็ไม่สามารถส่องไปถึง จึงไม่เกิดประโยชน์ใดในสภาพที่ชาวสวนเดือดร้อนและยากลำบากในขณะนี้

 

นายจตุพร กล่าวว่า หลักใหญ่ในการแก้ปัญหานั้น รัฐบาลอย่าเรียกร้องให้ประชาชนปรับตัว โดยที่รัฐไม่ปรับตัว วันนี้ต้องเข้าใจและยอมรับความจริง อย่าได้บ่นไม่มีเงิน แต่จ่ายค่าโง่คลองด่านได้ วันนี้รัฐบาลควรหารือกันและออกมาตรการกันให้ชัด ถ้าแก้ปัญหาราคายางพาราไม่ได้ ก็ไม่ควรพูดไม่มีหางเสียง หรือปรามาสประชาชนที่กำลังลำบาก ซึ่งอาจรักษาความเดือดร้อนได้เพียงบางเวลาเท่านั้น

 

"สิ่งที่สำคัญในขณะนี้ มีการเคลื่อนไหวอย่างเกรงใจ คสช. และรัฐบาล แต่การชุมนุมเรียกร้องนั้น ใครจะเกรงใจใครก็ตาม แต่ความจริงคือ ประชาชนเดือดร้อนและลำบากกันจริง ดังนั้น รัฐควรคิดและวางแผนแก้ปัญหาความยากจนกันทั้งระบบ ดังนั้น เมื่อพูดแต่ไม่ทำ จะได้ผลบางเวลา แล้วจะแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลย" นายจตุพร กล่าว