"จตุพร" ท้า "บิ๊กตู่" จะตัดขาดกับ "คณะสงฆ์" หรือ "ปู่พุทธะฯ" ?? ปมแต่งตั้งสังฆราชองค์ใหม่

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

"จตุพร พรหมพันธุ์" เสียดสีสุดแสบ !! ถาม "พล.อ.ประยุทธ์" จะเลือกตัดขาดกับ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" หรือ "คณะสงฆ์" พร้อมต่อต้าน "ขบวนการ 3 พ." ขัดขวางการแต่งตั้ง "สมเด็จช่วง" ขึ้นเป็นสังฆราชองค์ใหม่

 

วันนี้ (14 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล โดยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตัดสินใจว่า จะกลัวพุทธะอิสระขู่ตัดขาดจากอาจารย์กับลูกศิษย์ หรือจะให้วงการสงฆ์ตัดขาด และประกาศคว่ำบาตรกรณีแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20

 


นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ขบวนการ 3 พ ประกอบด้วย พุทธะอิสระ นายไพศาล พืชมงคล และนายไพบูลย์ นิติตะวัน จะเรียกใครว่าเป็นลัชชี ก็กล่าวหาเอาง่ายๆ ดังนั้นคนไทยจึงต้องเลือกเอาระหว่าง จะเลือกกราบพระ หรือกราบพุทธะอิสระ แต่คณะสงฆ์มีประเพณี มีกฎหมาย ทั้ง 2 นิกาย ไม่มีความขัดแย้งกัน เมื่อมีคนคัดค้านเป็นอาจารย์แล้ว นายกรัฐมนตรีจะเลือกเอาใคร และในขณะนี้ พุทธะอิสระใหญ่จริง เพราะเป็นจิตวิญญาณของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน แต่ตนไม่ยอมให้ใครมาทำลายสงฆ์ของไทยได้ ซึ่งไม่กลัวว่า จะเป็นอาจารย์ของใคร

 


"ท้ายที่สุดแล้ว นายกรัฐมนตรีต้องแสดงให้คนไทยเห็นว่า กลัวการตัดขาดจากพุทธะอิสระ หรือจะกลัวการตัดขาดจากคณะสงฆ์ ถ้าคณะสงฆ์ประกาศนานาสังวาสกับรัฐบาล เพราะรัฐบาลไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคณะสงฆ์ ท่านจะเลือกมีปัญหากับพุทธะอิสระและพวกไม่กี่คน หรือจะเลือกมีปัญหากับคณะสงฆ์ทั้งประเทศ เลือกเอา กลัวพุทธะอิสระตัดขาด หรือจะกลัวคณะสงฆ์ทั้งประเทศตัดขาดเลือกเอา ท่านเลือกที่จะทำผิดข้อกฎหมายคณะสงฆ์ เพราะกลัวพุทธะอิสระตัดขาด หรือท่านเลือกจะทำตามกฎหมายคณะสงฆ์ ท่านเลือกได้" นายจตุพร กล่าว

 


นายจตุพร กล่าวว่า คณะสงฆ์อดทนกันมากที่สุดอยู่แล้ว ฝ่ายต่อต้านต้องการให้เปลี่ยนแปลงตามตัวเองได้อย่างไร เมื่อคณะสงฆ์อยู่ภายใต้กฎหมายของสงฆ์ การปฏิบัติต้องเป็นไปตามกฎหมาย และพระธรรมวินัย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น อย่าอ้างเรื่องมีคนคัดค้าน ดังนั้น วันนี้ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องข้อกฎหมายกำหนด เป็นเรื่องหลักการที่ต้องปฏิบัติ แต่ถ้าไม่มีการปฏิบัติใดๆ และขณะนี้คณะสงฆ์ได้นั่งแผ่เมตตาอยู่ ถ้าทนไม่ได้ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ยิ่งขึ้น

 


นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ขบวนการ 3 พ เคลื่อนไหวต่อต้านสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ใหม่ แต่มหาเถรสมาคมมีมติเสนอชื่อสมเด็จช่วง เนื่องจากถูกต้องตามกฎหมายคณะสงฆ์ และเป็นสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ขบวนการ 3 พ ได้ยื่นชื่อประชาชนถึง 300,000 คนต่อนายกรัฐมนตรี รวมทั้งอธิบายเหตุผลว่า หากสมเด็จช่วงขึ้นเป็นสังฆราช ก็เท่ากับวัดพระธรรมกายเข้ามาคุมวงการสงฆ์ไทย เพราะสมเด็จช่วงเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย

 


นายจตุพร ตอบโต้ว่า ขบวนการ 3 พ จะต่อต้านด้วยการกล่าวอ้างถึงวัดธรรมกายนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น หากพระสมเด็จราชาคณะองค์อื่นได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชแล้ว ย่อมแปลความหมายได้เช่นกันว่าคณะสงฆ์จะอยู่ใต้พุทธะอิสระและขบวนการ 3 พ เช่นกัน ถึงที่สุดแล้ว การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชไม่ใช่เรื่องบุคคล แต่เป็นเรื่องหลักการตามกฎหมายคณะสงฆ์กำหนดให้ปฏิบัติ ถ้าไม่ทำตามจะเป็นปัญหาลุกลามไปมากขึ้น

 


ส่วนนายไพศาลต้องการให้นายกรัฐมนตรีเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชต่อมหาเถรสมาคมนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นความคิดที่บ้า และไม่เป็นไปตามกฎหมายคณะสงฆ์ สิ่งสำคัญเรื่องนี้เป็นเรื่องของมหาเถรสมาคม เป็นกิจการของศาสนจักร ฝ่ายอาณาจักรไม่ควรไปเกี่ยวข้อง ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงมีหน้าที่นำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้งเท่านั้น เพราะกฎหมายคณะสงฆ์กำหนดให้เป็นมหาเถรสมาคมพิจารณาแต่งตั้ง ไม่ใช่ให้นายกรัฐมนตรีตั้งเอง ซึ่งเหมือนกับการทำหน้าที่ให้ฝ่ายนิติบัญญัติ นำกฎหมายขึ้นทูลเกล้า ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขเป็นอย่างอื่นได้

 


ส่วนพุทธะอิสระประกาศตัดขาดนายกรัฐมนตรีนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ต้องเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีควรแสดงตัวให้เห็นว่า ไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยของพุทธะอิสระ เพราะนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีพูดไว้ชัดว่า ถ้าไม่เสนอสมเด็จวัดปากน้ำแล้วจะเสนอใคร เพราะเป็นไปตามกฎหมายคณะสงฆ์ทุกประการ ส่วนการอ้างพระลิขิตนั้น อดีตผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาอธิบายว่า พระบัญชาคือคำสั่ง พระลิขิตเป็นข้อเขียนตามประสงค์จัดเป็นคำสอนไม่ใช่คำสั่ง จึงไม่เป็นกฎหมาย ไม่เป็นผลต่อการปฏิบัติ นอกจากนี้ ขบวนการ 3 พ ยังเสนอให้ยกเลิกสมณศักดิ์ เพื่อให้พระมีสถานะเท่าพุทธะอิสระ ย่อมหมายถึงการคิดแบบให้พุทธะอิสระมีโอกาสได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชด้วย ซึ่งคิดกันเช่นนี้หรือเปล่า