"ตุ๊ดตู่" ชี้วงการสงฆ์ไม่เชื่อคำยุ "หลวงปู่พุทธะฯ" - บี้ "บิ๊กตู่" อย่าถ่วงการขึ้นทูลเกล้าฯ !!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

"จตุพร" เหิมเกริมใหญ่ !! เผยวงการสงฆ์ทั้ง 2 นิกาย ไม่มีความขัดแย้งตามการยุแหย่ของ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" พร้อมจี้ "พล.อ.ประยุทธ์" อย่าถ่วงรั้งการขึ้นทูลเกล้าฯ "สังฆราช" องค์ใหม่ ระวังโดนมาตรา 157 ตามที่ชาวพุทธแจ้ง ...

 


วันนี้ (15 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล โดยยืนยันว่า วงการสงฆ์ทั้งฝ่ายธรรมยุตนิกาย และมหานิกาย ไม่มีความขัดแย้งตามการยุแหย่ของพุทธะอิสระ และพวกที่เคลื่อนไหวต่อต้านการแต่งตั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20

 


นายจตุพร ย้ำว่า ทั้งสองนิกายอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขมาตลอด และการประชุมของมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ซึ่งเป็นฝ่ายธรรมยุติกนิกาย เป็นผู้เสนอให้สมเด็จช่วง ฝ่ายมหานิกายขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ จึงแสดงให้เห็นชัดเจนว่า วงการคณะสงฆ์ไร้ความขัดแย้งตามที่พุทธะอิสระพยายามเสี้ยมให้ประชาชนหลงเชื่อ ดังนั้น มีความชัดเจนแล้วว่า มส.ได้เสนอชื่อสมเด็จช่วง ซึ่งเป็นสมเด็จราชาคณะที่มีความอาวุโสสูงสุด โดยสมณศักดิ์ตามกฎหมายคณะสงฆ์ ปี 2505 แก้ไขในปี 2535 ให้รัฐบาลเรียบร้อยแล้ว โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีสิทธิ์ตรวจสอบเอกสาร แล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้ง แต่ในขณะนี้ท่าที่ของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อพุทธะอิสระและพวกออกมาขู่ว่า ถ้านายกรัฐมนตรีเสนอแต่งตั้งสมเด็จช่วง เป็นสมเด็จพระสังฆราชต้องขาดกัน จนเสียงเริ่มอ่อนและอธิบายว่า ถ้ามีการคัดค้านก็ยังไม่เสนอแต่งตั้ง

 


"วงการสงฆ์รู้ดีว่า การปฏิบัติตามกฎหมายเป็นอย่างไร แต่มีคนได้เสี้ยมกันว่า มีความขัดแย้ง 2 นิกาย แต่สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ฝ่ายธรรมยุติกนิกายเป็นผู้เสนอมหานิกายในที่ประชุม มส.เมื่อ 5 ม.ค.นั่นเอง จึงแสดงว่า วงการสงฆ์มีความสงบเรียบร้อยมานาน ไม่แตกแยก หากอ้างว่า มีคนคัดค้านจะไม่เสนอ แล้วใครคัดค้าน ก็พระอาจารย์ของนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศตัดขาดจากศิษย์ แต่ศิษย์เงียบไม่แสดงความชัดเจน ถ้าอ้างกันเช่นนี้ ต้องรู้ว่ารัฐบาลทำหน้าที่เป็นทางผ่านเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นพระราชอำนาจในการแต่งตั้ง ถ้าถ่วงรั้งไว้จะเข้าข่ายการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ม. 157 ชาวพุทธแจ้งความบ้างจะยุ่งกันแน่" นายจตุพร กล่าว

 


นายจตุพร กล่าวต่อว่า การคัดค้านของพุทธะอิสระและพวก ยังใช้การกล่าวหาเชื่อมโยงให้สมเด็จช่วง พระอุปัชฌาย์ของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ที่ถูกตรวจสอบในคดีมากมายให้มีความผิดด้วย ซึ่งเป็นการบิดเบือน เช่นเดียวกับเคยกล่าวหา และสร้างหลักฐานเท็จมาบิดเบือนว่า สมเด็จเกี่ยว เจ้าอาวาสสระเกศ แย่งชิงตำแหน่งผู้ปฎิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชมาแล้ว

 


นายจตุพร กล่าวว่า ในเวลานี้ พุทธะอิสระ และพวกยังเสนอความเห็นกันจนเลยเถิดถึงขั้นให้นายกรัฐมนตรีเสนอชื่อก่อนแล้วให้ มส. พิจารณา ซึ่งเป็นการขัดแย้งกับกฎหมายคณะสงฆ์ นอกจาก ยังเสนอให้ยกเลิกสมณศักดิ์ รวมทั้งให้เฉลี่ยทรัพย์สินของวัดที่ประชาชนศรัทธาไปให้วัดอื่นๆ สิ่งนี้แสดงถึงความพยายามให้พระทุกรูปมีสมณศักดิ์เหมือนกัน และมีสถานะเท่ากับพุทธะอิสระ ซึ่งอาจเป็นความคิดถึงขั้นจะมีโอกาสได้เข้าไปควบคุมวงการสงฆ์ในอนาคตด้วยก็ได้