"จตุพร" สามหาวหนัก !! สวนหมัด "บิ๊กตู่" ช่วยใช้สมองแก้ปากท้องปชช. ก่อนจะทิ่มปากกัน

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

"จตุพร" ปากดี !! หมัดสวน "พล.อ.ประยุทธ์" ช่วยใช้สมองในการแก้ความเดือดร้อนปชช.ให้เป็นชิ้นเป็นอัน ก่อนที่จะมาทิ่มปากกัน - ท้าสาบาน "มีชัย" ร่วมมือ "บวรศักดิ์" ตั้งใจคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อต่อท่ออำนาจ เปิดทางให้คนนอกเข้ามาเป็นนายกฯ หวั่นเกิดวิกฤตการเมือง ...

 

เมื่อวานนี้ (23 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล โดยตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า เมื่อคิดจะหาอะไรมาทิ่มปากตนนั้น นายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจมากสามารถทำได้ แต่ตนขอให้ใช้สมองช่วยคิดแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้เป็นชิ้นเป็นอันก่อนดีกว่าจะคิดแต่ใช้กำลังมาทิ่มปากกัน ซึ่งถ้าจะทำจริงคงทำตอนไหนก็ได้อยู่แล้ว

 


สาเหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์ เกิดอารมณ์ขุ่นจนให้สัมภาษณ์ด้วยคำพูดดุเดือดระหว่างไปตรวจปัญหาภัยแล้งที่ต่างจังหวัดว่า อยากหาอะไรไปทิ่มปากนั้น มาจากการวิจารณ์นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เขียนรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย และยังสร้างกลไกอำนาจไม่ยึดโยงให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพราะไม่ต้องการให้นำมาบังคับใช้ นายมีชัยจึงเขียนเพื่อให้ประชาชนได้ใช้สิทธิ์ทำประชามติคว่ำ

 


นายจตุพร ถามนายกรัฐมนตรีว่า กล้ายอมรับ หรือไปสาบาน หรือไม่ว่า นายมีชัยเป็นผู้เขียนรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 เป็นผู้มีส่วนร่วมกับการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานยกร่างฯขึ้น จนทำให้ไม่ผ่านมติสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และยังเป็นเขียนพิมพ์เขียวรัฐธรรมนูญไว้ก่อนแล้ว จึงมายกร่างฯฉบับที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้

 


ดังนั้น ในยุค คสช. นายมีชัยมีบทบาทสำคัญกับการเขียนรัฐธรรมนูญชั่วคราว 1 ฉบับ และชั่วถาวร 2 ฉบับ ยังมีส่วนร่วมสำคัญสร้างคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ไปสอดไส้ในการร่างรัฐธรรมนูญของชุดนายบวรศักดิ์ช่วงโค้งสุดท้ายอีกด้วย ส่วนฉบับที่กำลังเขียนขณะนี้ ร่างฯแรกจะเสร็จในวันที่ 29 ม.ค.นี้ เมื่อเริ่มต้นเขียนก็ไม่เคยสะท้อนถึงทางออกของบ้านเมืองที่เป็นปัญหาเลย

 


นายจตุพร กล่าวว่า นายมีชัยออกแบบเขียนรัฐธรรมนูญโดยมุ่งเน้นเปิดประตูให้คนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรี เหมือนรัฐธรรมนูญปี 2534 ที่เคยเขียนมา และทำให้ประชาชนรับไม่ได้ จนเกิดเหตุการณ์ต่อต้านในปี 2535 ทำให้ประชาชนเสียชีวิต 40 คน สูญหายอีก 40 คน นายมีชัย ยังไม่เปลี่ยนแปลงความอยากให้คนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ในฉบับที่กำลังเขียนขณะนี้ได้เปิดประตูเชิญคนนอกซ้ำอีก นอกจากนี้ ยังให้วุฒิสมาชิกมาจากการลากตั้ง เพิ่มอำนาจองค์กรอิสระให้มากขึ้น ถึงขั้นให้ถอดถอนนักการเมือง รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ยากขึ้น หรือแทบทำไม่ได้ เพราะกำหนดให้เสียงแก้ไขมาจากจำนวน 10 % ของทุกพรรคการเมือง ดังนั้น การเขียนอำนาจไว้แบบนี้ จึงทำขึ้นเพื่อให้รัฐธรรมนูญถูกฉีก ไม่ใช่แก้ไขบ้านเมืองให้รอดพ้นจากวิกฤต

 


"นายมีชัยเขียนรัฐธรรมนูญไม่ได้ยึดประชาชนและประชาธิปไตยเป็นศูนย์กลาง แต่ยึดตัวเองและรับใช้เผด็จการเป็นศูนย์กลาง ดังนั้น จึงสะท้อนถึงการเขียนเพื่อให้คว่ำ แล้วผู้มีอำนาจจะได้อยู่ต่อไปอีก หรือมีรัฐธรรมนูญฉบับสำรองเอาไว้แล้ว เมื่อประชาชนคว่ำก็นำออกมาใช้ การอ้าง ส.ว.ไม่มีอำนาจถอดถอน แต่องค์กรอิสระสามารถถอดถอนได้อยู่แล้ว และง่ายยิ่งกว่าให้ ส.ว. ถอดถอนด้วย จึงไม่เห็นว่าจะเลือกตั้งไปทำอะไร อย่ากลัวว่า ถ้าคว่ำรัฐธรรมนูญแล้ว พวกนี้จะอยู่นาน อย่ากลัวจะไม่ได้เลือกตั้ง แต่ต้องกลัวว่า ถ้าเลือกตั้งภายใต้บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยแล้ว จะเกิดวิกฤตบ้านเมืองหนักกว่านี้ แต่ถ้าต้องการเลือกตั้งที่มากด้วยกิเลส จะถูกยาพิษจนฆ่าตัวตาย ดังนั้น ควรนึกถึงประชาชนให้มากกว่าการอยากเลือกตั้ง สิ่งนี้เป็นการวัดด้วยหัวใจกัน" นายจตุพร กล่าว

 


นายจตุพร กล่าวว่า นายมีชัยถูกพล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้ง และเข้ามาอยู่กรรมการ คสช. ตั้งแต่ต้น รับรู้ปัญหาทั้งหมด เมื่อมาเขียนรัฐธรรมนูญ จึงสะท้อนได้ชัดเจนว่า ถ้ารัฐธรรมนูญถูกคว่ำก็ได้ประโยชน์ ไม่คว่ำก็ได้ประโยชน์ ดังนั้น ตนจึงประกาศคว่ำเต็ม 100% สิ่งที่กลัวมีอย่างเดียวว่า จะไม่ได้คว่ำ เพราะกลัวคนอื่นมาแย่งคว่ำ โดยไม่ได้กลัวว่า จะถูกอะไรมาทิ่มปากเลย

 


ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ พยายามอธิบายว่า ให้ย้อนกลับไปดูสาเหตุที่บ้านเมืองมาถึงวันนี้ นายจตุพร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเข้ามามีอำนาจด้วยกระบอกปืน รถถัง และใช้กำลังทหาร แล้วอ้างจะมายุติความขัดแย้ง มาคืนความสุขให้ประชาชน แต่ควบคุมพวกตนในห้องประชุมก็ยังทำได้ ดังนั้น สิ่งที่พูดมาแต่ต้น พล.อ.ประยุทธ์ ทำตามที่พูดหรือยัง ขณะเดียวกันกลับใช้อำนาจมายุติความขัดแย้ง แบบแบ่งแยกทับซ้อนกัน ด้านหนึ่งเกรงใจ ไม่ยึดกฎหมาย ปล่อยให้พุทธะอิสระเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมือง ทั้งกรณีต่อต้านการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราช และเรียกร้องให้กรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปตรวจสอบเล่นงานวัดปากน้ำ แต่อีกด้านหนึ่งในกรณีพวกตน และนักศึกษาจะไปตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ กลับถูกสกัด ถูกจับ ถูกอุ้ม แล้วยัดข้อหาฝ่าฝืนกฎหมาย ชุมนุมเกิน 5 คน สิ่งนี้เป็นกรณีหนึ่งในการยุติความขัดแย้ง และมาเพิ่มความสุขให้ประชาชนหรือ

 


นายจตุพร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังอ้างถึงปัญหาทุจริตในอดีตทำให้เกิดวิกฤตของบ้านเมืองนั้น ตนขอถามว่า การบริหารประเทศมา รัฐบาลไม่มีการทุจริตเลยหรือ นายกรัฐมนตรีมั่นใจหรือไม่ แต่มีหลายกรณีเกิดความสงสัยขึ้น ทั้งการจ่ายเงินในโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน การเปลี่ยนหน่วยงานมารับซื้อยางพาราในราคาแทรกแซง และโครงการแก้ภัยแล้งโดยการขุดลอก เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ ล้วนมีข้อกังขาในความทุจริตทั้งสิ้น 

 

 

ส่วนนายกรัฐมนตรีบอกสื่อมวลชนอย่าไปฟังคนทุจริตพูด และอย่าขยายความคำพูดนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ตนพร้อมจะไปยืนกับนายกรัฐมนตรี เพื่อประกาศสัญญาประชาชนว่า ทั้งก่อนหน้านี้ หรือการกระทำในอนาคตจะมีธรรมาภิบาล ไม่ทุจริต นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ควรร่างคำปฏิญาณตนให้เป็นสัญญาประชาชน โดยเขียนเป็นองค์การสาปแช่ง แล้วนำคณะรัฐมนตรีไปอ่านเป็นคำประกาศต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมือง ว่า ถ้าไม่มีธรรมาภิบาล เกิดการทุจริต ใครโกงต้องมีอันเป็นไปอย่างเลวร้ายที่สุด หากนายกรัฐมนตรีชิงชังการทุจริตจริง ควรต้องทำ และตนพร้อมจะเดินตามหลังไปประกาศองค์การสาปแช่งนั้นด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง

 


นายจตุพร กล่าวว่า ท่ามกลางบ้านเมืองเต็มไปด้วยความเดือดร้อน แต่นายกรัฐมนตรียังมีอารมณ์ขำมาตอบคำถามนักข่าว การอ้างถึงส่งทหารไปเยี่ยมบ้านนักข่าวที่ไปร่วมงานปีใหม่ของอดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คราวละ 7 คน เกิดจากทหารชอบนักข่าวสวย ซึ่งอารมณ์ขำแบบนี้เป็นอารมณ์ฝืด ดังนั้น ทหารชายไปเฝ้าบ้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. นานถึง 3 เดือน ย่อมเป็นเพราะนายณัฐวุฒิเป็นคนหล่อ แต่ช่างน่ากลัวมาก