"ตุ๊ดตู่" ร้อนรนหนัก !! อัดร่างรธน.เอาเปรียบปชต.สุดโต่ง - อวดกึ๋นแก้จุดรับซื้อยางพารา

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

"จตุพร พรหมพันธุ์" ร้อนรนจนตัวเกือบไหม้ !! ซัดร่างรธน. "มีชัย ฤชุพันธุ์" เขียนเอาเปรียบประชาธิปไตยแบบหน้าด้าน !!! หวั่นทำประเทศเกิดวิกฤตซ้ำซาก ไม่สนใจเลื่อนเลือกตั้ง - โชว์กึ๋นแก้จุดรับซื้อยางพาราให้มากขึ้น เฉกเช่นเดียวกับการประหยัดน้ำ ...

 

วันนี้ (29 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เขียนเอาเปรียบประชาธิปไตยอย่างหน้าด้านทุกอย่าง และยังมีเนื้อหาบ่งชี้ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะอยู่ในอำนาจบริหารประเทศได้อีก

 

นายจตุพร ระบุว่า เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญได้กำหนดคุณสมบัติสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะลงไปเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้นั้นต้องลาออกภายใน 90 วัน แต่คุณสมบัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กลับไม่จำกัดเงื่อนเวลาใดไว้เลย ดังนั้น ผู้นำ คสช. นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีในปัจจุบันจึงเป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับหน้าด้านของนายมีชัยได้อย่างสบาย

 

"การเขียนรัฐธรรมนูญโดยเอาเปรียบทุกทิศทางจึงเป็นความหน้าด้านมาก ซึ่งไม่ใช่การเฉียบคม หลักแหลมของนายมีชัยเลย เพราะเป็นการเขียนรัฐธรรมนูญให้เป็นเผด็จการอยู่ในอำนาจต่อได้ โดยไม่ระบุคุณสมบัติการเป็นคณะรัฐมนตรีเอาไว้ว่า จะต้องพ้นจากตำแหน่งกี่วัน ดังนั้น คสช. ที่เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีจึงไม่มีข้อห้ามเลย ส่วนการสืบทอดอำนาจของ สนช. กลับมีการจำกัดให้ลาออกอย่างน้อย 90 วันแล้ว" นายจตุพร กล่าว

 

นายจตุพร กล่าวว่า พฤติกรรมการเขียนรัฐธรรมนูญของนายมีชัยไม่เคยเปลี่ยน แต่การกระทำที่หนักกว่าการร่างรัฐธรรมนูญปี 2534 อีก โดยเขียนร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 จนระบอบประชาธิปไตยไม่เหลือสาระสำคัญที่ยึดมั่นกันทั่วโลกว่า เป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน แต่นายมีชัยได้ทำให้ประชาชนมีหน้าที่อย่างเดียวเท่านั้น คือ ไปเลือกตั้งเพื่อตบตาต่างชาติว่า เป็นประชาธิปไตย

 

ดังนั้น จึงชัดเจนว่า เนื้อหาที่นายมีชัยร่างขึ้นมา จึงปกป้องผู้มีอำนาจหนักกว่าเขียนรัฐธรรมนูญปี 2534 นายมีชัยกำหนดเนื้อหาให้มีความเบ็ดเสร็จมากขึ้น โดยให้หัวหน้า คสช. มีอำนาจตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 2557 แล้วเข้าใจว่า มีอำนาจเบ็ดเสร็จแล้วจึงเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ปี 2559 ให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอก กำหนดให้พรรคการเมืองเสนอชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรี พรรคละไม่เกิน 3 คน เพื่อสร้างความวุ่นวาย นอกจากนี้ยังออกแบบใหม่ให้ ส.ว. มาจากการลากตั้งที่ยุ่งเหยิง รวมทั้งวางเงื่อนไขให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ยากหรือแก้ไม่ได้เลย โดยกำหนดให้ทุกพรรคต้องมีเสียงเห็นชอบด้วยอย่างน้อย 10% จึงเป็นไปได้ยากมาก

 

ส่วนการยึดเวลาเลือกตั้งออกไปเป็นปลายปี 2560 นั้น นายจตุพร กล่าวว่า โรดแมปเลือกตั้งตามที่เคยประกาศครั้งแรกจะมีขึ้นเดือนตุลาคม 2558 แล้วขยับมาเป็นกรกฎาคมปี 2560 และนายมีชัยเขียนรัฐธรรมนูญเลื่อนไปเป็นปลายปี 2560 ในกรณีถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ซึ่งตนไม่สนใจการเลือกตั้ง จะเลื่อนไปเลือกชาติหน้าก็ได้

 

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยมีกติกาไม่เป็นประชาธิปไตย จึงได้ซ้ำเติมวิกฤตของชาติยิ่งขึ้นไปอีก พวกตนรับไม่ได้ ถ้ามีโอกาสได้ลงประชามติจะใช้สิทธิ์คว่ำแน่นอน เพราะทางเลือกที่จะมีประชาธิปไตยได้ ต้องไม่สนใจการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญหน้าด้าน เอาเปรียบ แล้วทำให้ คสช. จะอยู่ในอำนาจนานนั้น ก็อยู่กันไปเป็นชาติเลย

 

นอกจากนี้ ถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยอยู่ไปถึงขั้นตอนการทำประชามติแล้ว ตนเสนอให้ลงประชามติกรณีให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี ไปคราวเดียวกันด้วย เพราะสิ่งนี้เป็นอนาคตของประเทศ ประชาชนควรได้มีส่วนร่วมในการแสดงออก รวมทั้งมีการตรวจสอบพบว่า ชาวต่างชาติใช้นอมินีถือครองที่ดินในไทยมากถึง 1 ใน 3 ของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก หน่วยงานที่รายงานนั้น ควรเปิดเผยข้อมูลให้ชัดเจนกว่านี้ ว่าที่ไหน อย่างไร เพื่อประชาชนจะได้ตรวจสอบ

 

นายจตุพร กล่าวว่า คสช. มายึดอำนาจก็อ้างถึงการคืนความสุข แต่ในขณะนี้ สามารถบอกได้หรือไม่ว่า อะไรที่เป็นความสุขบ้าง แล้วยังอ้างถึงมาปราบทุจริต แต่กลับจ่ายค่าโง่คลองด่าน โดยไม่ใส่ใจเสียงทักท้วงของผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้ง ยังมีบุคคลอ้างตัวเป็น เสธ.ทหาร ไปอ้างชื่อรัฐมนตรีหลอกเอาทรัพย์สินและเงินจากเอกชนจนสูญเสียกว่า 5 ล้านบาทว่า สามารถนำข้าวเสื่อมสภาพออกมาได้ แต่คนถูกแอบอ้างชื่อไปนั้น ไม่ได้แสดงความบริสุทธิ์หรือไปแจ้งความให้ดำเนินคดี ดังนั้น กรณีนี้ จึงแสดงถึงการยอมจ่ายเงินเพื่อเอาข้าวเน่า แต่ความจริงแล้วข้าวไม่ได้เน่า เมื่อนำไปแปรสภาพขายต่อย่อมทำรายได้มากกว่าการสูญเสียเงินไปแน่นอน

 

ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เรียกร้องให้ประชาชนประหยัดน้ำนั้น นายจตุพร กล่าวว่า การประหยัดก็เป็นสิ่งดี แต่รัฐบาลต้องวางแผนมารองรับมาแก้ปัญหาภัยแล้งด้วยว่าจะดูแลรักษาแหล่งน้ำอย่างไร รวมทั้งต้องเปลี่ยนการขุดลอกแหล่งน้ำใหม่ด้วย โดยขุดลอกเมื่อคูคลองแห้ง ไม่มีน้ำ จะได้ประสิทธิ์ภาพงานมากกว่า การขุดลอกขณะที่มีน้ำอยู่ เพราะยากต่อการตรวจสอบงาน

 

สำหรับการแทรกแซงราคายางพารา โดยรับซื้อกิโลกรัมละ 45 บาท แต่มีปัญหาเพราะจุดการรับซื้อไม่กระจายทั่วถึง จึงทำให้เกษตรกรต้องเสียค่าขนส่งมากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นมาเสียอีก ดังนั้น ความต้องการช่วยเหลือความเดือดร้อนของชาวสวนยาง จึงไม่เป็นจริงตามการกล่าวอ้าง การเพิ่มกระจายจุดรับซื้อยางให้มากขึ้นจึงเป็นสิ่งถูกต้อง