"ไก่อู" เผย รบ.ปลื้มคอร์รัปชั่นไทย ดีขึ้นในรอบ 6 ปี

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.Tnews.co.th


"พล.ต.สรรเสริญ" เปิดเผย รัฐบาลปลื้มสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยดีที่สุดในรอบ 6 ปี ขยับขึ้น 9 อันดับ เป็นที่ 3 ในกลุ่มอาเซียน ด้าน นายกรัฐมนตรี หวังให้สังคมร่วมกันต้านทุจริตปลูกฝังจิตสำนึกสู่เยาวชนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง

 

วันนี้  (6 ก.พ.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ทราบผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดคอร์รัปชั่นโลก ปี 2558  โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Treansparency International) และประเทศไทยได้คะแนน 38 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 เป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียนรองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย และอันดับที่ 76 จากประเทศทั่วโลก ขยับขึ้นมาจากเดิม 9 อันดับ

 

"ท่านนายกฯ ยอมรับกับผลการจัดอันดับดังกล่าวและเห็นว่าประเทศไทยควรจะต้องใสสะอาดมากขึ้นเรื่อย ๆ จากความตั้งใจจริงในการทำงานอย่างหนักและต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ เพื่อต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชั่น เช่น การตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช) การตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร) การโยกย้ายข้าราชการที่ได้รับการร้องเรียนหรือมีข้อมูลว่ามีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต เพื่อเปิดโอกาสให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงการออก พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 และเปิดเผยข้อมูลข่าวสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เป็นต้น"

 

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ผลการจัดอันดับขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติสอดคล้องกับผลสำรวจสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อ มิ.ย.2558 ที่ระบุว่า สถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยในปี 2558 ดีที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากรัฐบาลได้กำหนดให้การปราบปรามการทุจริตเป็น"วาระแห่งชาติ"และปฏิบัติการอย่างเข้มแข็งแล้ว

 

ยังได้รับความร่วมมือเป็นดีจากทุกภาคส่วนที่ตื่นตัวต่อปัญหาและต่อต้านการทุจริตจนเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาสังคม รวมทั้งในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็มีกลไกพิเศษหลายประการที่ออกหลายประการที่ออกมาเพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นในระยะยาวอีกด้วย

 

"ท่านายกฯ เน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นจะต้องไม่เน้นเพียงการปราบปรามเพียงอย่างเดียวแต่ต้องปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีแก่ปะรชาชนโดยเฉพาะในระดับเยาวชน ซึ่งถือเป็นการป้องกันก่อนเกิดปัญหาที่ดีที่สุดด้วย เช่น การสร้างสำนึกไทย ไม่โกง แก่ประชาชนทุกกลุ่มอาชีพ การใช้หลักสูตร"โตไปไม่โกง"ในโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อให้สำนึกรักความซื่อสัตย์หยั่งรากลึกลงในจิตใจของเยาวชนไทย เป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน