"นายกฯ" ยิ้มหน้าบาน ! ปลื้มประชุมสุดยอด "อาเซียน-สหรัฐฯ"  ภาพรวมผ่านไปได้ด้วยดี

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม www.tnews.co.th

"พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา" ปลื้ม ! ภาพรวมในการร่วมประชุมสุดยอด "อาเซียน-สหรัฐฯ" สมัยพิเศษ ผ่านไปได้ด้วยความเรียบร้อย  เผย ประชุมครั้งนี้แบ่งเป็น 3 ช่วง

 

 

วันนี้(17 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ว่า "การจัดประชุมครั้งนี้เป็นรูปแบบเป็นกันเอง และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งนายบารัคโอบาม่าประธานาธิบดีสหรัฐได้เชิญมาประชุมเป็นครั้งแรก หลังจากอาเซียนเป็นประชาคม นอกจากสหรัฐแล้วต่อไปจะมีการประชุมอาเซียน-รัสเซีย และอาเซียน-จีน ซึ่งการประชุมครั้งนี้แบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงที่ 1 จะเน้นเรื่องเศรษฐกิจเพื่อสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่งมีซีอีโอของผู้ประกอบการสหรัฐมาแนะนำถึงเรื่องการพัฒนาประเทศให้เติบโตทางด้านเทคโนโลยี ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการพูดคุยในระหว่างรับประทานอาหารค่ำ ซึ่งได้พูดถึงเรื่องภูมิภาคที่มีการหยิบยกถึงปัญหาของอาเซียนในปัจจุบันมาหารือ เช่น ทะเลจีนใต้ บทบาทของสหรัฐต่อสถาปัตยกรรมในภูมิภาค บทบาทของจีน ภายใต้กรอบความร่วมมือ EAS ปัญหาคาบสมุทรเกาหลี "


 

" สำหรับช่วงที่ 3 เน้นเรื่องความมั่นคงและการรักษาสันติภาพ ซึ่งมีเรื่องสำคัญ 3 เรื่อง คือความท้าทายข้ามชาติ ด้านสาธารณสุข การค้ามนุษย์ประเด็นทางทะเลการก่อการร้าย ซึ่งทั้ง 3 การประชุมได้กล่าวในนามประเทศและอาเซียนว่าจะร่วมมือกันโดยมีสหรัฐเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ต้องสนับสนุนอาเซียนให้มีความเข้มแข็ง พร้อมเสนอว่าการจะทำอะไรก็ตามให้คำนึงถึงความแตกต่างของแต่ละประเทศด้วย แต่ในฐานะที่ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าการเกษตรจึงได้เสนอดูแลราคาสินค้าและพืชผลทางการเกษตรด้วย "


 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า " ในส่วนของการเจริญเติบโตทางเทคโนโลยีในยุคดิจิตอล ไทยกำลังเปลี่ยนผ่านที่จะมีการจัดตั้งกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งหลายอย่างที่ได้พูดในที่ประชุมก็ตรงกับสิ่งที่รัฐบาลจะดำเนินการ สำหรับมิติความมั่นคงต่างเห็นตรงกันว่าจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพราะปัญหาต่างๆ จะเชื่อมโยงถึงกัน เช่น ปัญหาก่อการร้าย ปัญหาความปลอดภัยในการเดินเรือทะเล ซึ่งเราจะต้องแก้ปัญหาโดยสันติวิธีใช้การเจรจาเป็นหลัก บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและความร่วมมือด้านต่างๆ กับประเทศมหาอำนาจ "


 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า " ได้เสนอในที่ประชุมเกี่ยวกับประเด็นการก่อการร้ายต้องคำนึงถึงต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ต้องร่วมกันป้องกัน ซึ่งในฐานะที่เป็นประเทศกลางทางจะกำชับเรื่องเส้นทางข้ามแดน ทั้งนี้ การเปิดประชาคมอาเซียนจะทำให้มีผู้เข้า-ออกมากขึ้น จึงต้องมีวิธีป้องกัน เช่น การอนุมัติงบประมาณซื้อเครื่องตรวจสอบบุคคลเข้า-ออก และเป็นการเพิ่มมาตรฐาน ส่วนการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ไทยได้เร่งรัดปราบปรามเรื่องหนังสือเดินทางปลอม และแก้ปัญหาการใช้ไทยเป็นพื้นที่พักคอยของขบวนการค้ามนุษย์ เมื่อถามถึงเรื่องการที่เราเป็นประเทศกลางทาง น่าจะเข้าใจมากขึ้น ผู้มาทำผิดประเทศไทยต้องยึดกฎหมายไทยรวมทั้งกฎหมายระหว่างประเทศ หากในกรณีนั้นมีความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกัน แต่ที่ผ่านมาปัญหาเกิดจากกฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศไม่สอดคล้องกัน ส่วนเรื่องสิทธิมนุษยชนผู้นำประเทศต่างๆ เข้าใจไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าในเรื่องดังกล่าวต้องดำเนินการตามกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองและส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เมื่อพิสูจน์สัญชาติแล้ว หากไม่สามารถส่งไปตามความต้องการได้ "


 

" ที่ผ่านมาที่จับกุมได้ก็มีหลายกลุ่มซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีความผิดและเกี่ยวข้องกับกฎหมายที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายคนเข้าเมือง และส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่มีหมายเรียกหรือหมายจับ และพิสูจน์สัญชาติแล้ว " นายกรัฐมนตรีกล่าว


 

ส่วนกรณีที่ผู้ถูกดำเนินคดีต้องการให้ส่งไปประเทศที่ตัวเองต้องการนั้น นายกฯกล่าวว่า " ไม่สามารถทำได้เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นแหล่งซ่องสุมเป็นประเทศกลางทางที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มค้ามนุษย์ขบวนการอพยพโดยไม่ปกติ ซึ่งต้องให้รอบคอบไม่ใช่มนุษย์สิทธิมนุษยชน "  พล.อ.ประยุทธ์กล่าว