"อ๋อย" ร่ายยาว !! ช่วงเปลี่ยนผ่าน "บิ๊กตู่" ทำชาติถอยหลัง 40 ปี - คลับคล้ายรธน.ฉบับปี 2521 !!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

"จาตุรนต์ ฉายแสง" ร่ายยาวถึงช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปีของ "พล.อ.ประยุทธ์" จะทำชาติถอยหลังไป 40 ปี ซึ่งไปคลับคล้ายคลับคลากับรัฐธรรมนูญฉบับปี 2521 โดย "ส.ว." สามารถล็อคสเปก "นายกรัฐมนตรี" ได้ เชื่อ "ประชาธิปไตยครึ่งใบ" ไม่อยู่ยงคงกระพันตลอดไป ...

 

วันนี้ (25 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ค "Chaturon Chaisang" แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ระบุว่า ประเทศชาติจะมีกลไกเปลี่ยนผ่าน 5 ปีเพื่อรับมือกับช่วงวิกฤติ โดยระบุเนื้อหาว่า

 

‘เปลี่ยนผ่าน 5 ปี ถอยหลัง 40 ปี’

 

ติดตามข่าวพลเอกประยุทธ์พูดถึงการเปลี่ยนผ่าน 5 ปีแล้ว ทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าค.ส.ช.และพลเอกประยุทธ์ต้องการอะไร
พลเอกประยุทธ์บอกว่าให้มองแผนระยะยาว 20 ปี แผนปฏิรูปครั้งละ 5 ปี ต้องมีไกด์ตรงนี้ แต่ถามว่าต้องมีมาตรการอะไรหรือไม่ มันก็ต้องมีและต้องมีอะไรซักอย่างควบคุมให้ตรงนั้นเป็นไปตามนี้ ซึ่งมีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นคณะอะไรขึ้นมาใหม่หรือจะเป็นส.ว.หรือใครก็แล้วแต่ ทั้งหมดนี้ คือ กลไกที่จะประเมินเท่านั้นเอง

 

พลเอกประยุทธ์บอกต่อว่าถ้าไม่ได้ขึ้นมาทั้งสองสภาก็คุยกัน จะเป็นไปได้หรือไม่ โดยการเปิดอภิปรายกันได้หรือไม่ว่าทำไมรัฐบาลไม่ทำนี่ทำนู่น แล้วจะแก้ไขกันอย่างไร เป็นเรื่องที่จะต้องตกลงกัน ถ้าได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ต้องมีคนตัดสิน จะไปศาลรัฐธรรมนูญได้หรือเปล่าก็ไม่รู้... ช่วงนี้จะยกเว้นบางส่วนก่อนได้หรือไม่ ถึงเวลาสถานการณ์ปกติกลับมา ทั้งหมดจะกลับเข้าที่เดิมหมด ส.ว.ก็เลือกตั้งใหม่ทั้งหมดก็ได้ เพียงแต่รัฐบาลหน้าต้องเกิดความมั่นใจให้เรา

 

พลเอกประยุทธ์ปฏิเสธว่าไม่ใช่สองขยัก แต่ความจริงแล้วพลเอกประยุทธ์ได้อธิบายให้เป็นที่เข้าใจกันอย่างชัดเจนที่ว่า 2 ขยักนั้นแปลว่าอย่างไร
ฟังทั้งหมดแล้วก็ทำให้นึกถึงรัฐธรรมนูญฉบับปี 2521 ที่เคยทำแบบ 2 ขยักมาแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับนั้น มีเนื้อหาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว เช่น ให้คนนอกเป็นนายกรัฐมนตรีได้และส.ว.มาจากการแต่งตั้งทั้งหมด แต่ก็ห้ามไม่ให้ข้าราชการประจำเป็นรัฐมนตรีและให้ส.ว.มีอำนาจอย่างจำกัด เหมือนกับว่าเมื่อประชาชนไปเลือกตั้งแล้วจะสามารถเลือกรัฐบาลตามที่ต้องการได้

 

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าในมาตราท้ายๆของรัฐธรรมนูญฉบับนั้น ได้บัญญัติสาระที่แตกต่างอย่างสำคัญ จากที่บัญญัติไว้ในตอนต้น คล้ายกับเป็นบทเฉพาะกาลโดยให้ใช้ไปเป็นเวลา 4 ปีนับตั้งแต่วันที่มีการแต่งตั้งสมาชิกที่วุฒิสภาซึ่งก็คือ วันเดียวกับวันที่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั่นเอง
เนื้อหาสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับระยะเปลี่ยนผ่าน 4 ปีนั้น ก็คือ การกำหนดให้ข้าราชการประจำเป็นรัฐมนตรีได้ สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งทั้งหมดนั้นมีอำนาจที่จะประชุมร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณากฎหมายสำคัญ เช่น ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ร่างพระราชบัญญัติสำคัญอื่นๆ รวมทั้งร่างพระราชกำหนดและยังสามารถร่วมประชุมในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ด้วย

 

การกำหนดไว้อย่างนี้ก็เท่ากับทำให้ส.ว.ซึ่งมาจากการแต่งตั้ง โดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนด ‘ความเป็นความตาย’ ของรัฐบาล หรือพูดง่ายๆใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ย่อมขึ้นกับวุฒิสภานั่นเอง

 

รัฐธรรมนูญฉบับปี 2521 มีผลตามที่มีการออกแบบไว้ คือ ทำให้ผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสภาได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องกันมาอีกมากกว่า 4 ปี ตามที่บัญญัติไว้ เพราะก่อนจะครบกำหนด 4 ปีก็มีการยุบสภาเสียก่อน ทำให้กติกาในการเลือกตั้งและอำนาจของวุฒิสภาที่มีผลต่อการตั้งรัฐบาลยังคงใช้บังคับอยู่

 

นี่เอง คือ ระบบที่เรียกกันว่า ‘ประชาธิปไตยครึ่งใบ’

 

ความจริงระบบอย่างนั้นไม่ควรเรียกว่าประชาธิปไตยครึ่งใบด้วยซ้ำ เพราะมีความเป็นเผด็จการอยู่มาก แต่สาเหตุที่ระบบอย่างนั้นสามารถดำรงอยู่ได้เป็นเวลานานโดยไม่มีการต่อต้านคัดค้านที่รุนแรงเท่าใดนัก เป็นเพราะสังคมไทยในด้านหนึ่ง เพิ่งผ่านการเผชิญกับความคิดที่จะปกครองแบบเผด็จการสุดโต่งเป็นเวลานานถึง 12 ปี อีกด้านหนึ่งก็เพิ่งผ่านความขัดแย้งรุนแรงของคนในชาติ และอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวว่าประเทศไทยจะล้มไปตามทฤษฎีโดมิโนด้วย

 

แต่ถึงกระนั้น ‘ระบบประชาธิปไตยครึ่งใบ’ ก็ไม่อาจอยู่ยงคงกระพันตลอดไป ในที่สุดประเทศไทยก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความเป็นประชาธิปไตยโดยเฉพาะระบบรัฐสภาและบทบาทของพรรคการเมืองไปได้ เมื่อนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งในเวลาต่อมาถูกรัฐประหาร รัฐบาลที่สืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร ก็ถูกประชาชนต่อต้านคัดค้าน จนในที่สุดบ้านเมืองก็ต้องเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และพัฒนาต่อเนื่องมาอีกเป็นเวลานานหลายปี

 

จากปี 2521 ถึงวันนี้ โลกได้เปลี่ยนไปมากแล้ว สังคมไทยเองก็มีพัฒนาการมามาก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนพยายามทำให้ประเทศต้องถอยหลังไปเกือบครึ่งศตวรรษ

 

แต่ก็อย่าแปลกใจ ถ้าคณะกรรมการร่างชุดปัจจุบันจะไปเปิดกรุเอาแนวความคิดที่เคยใช้กันเมื่อ 40 ปีก่อน มาใช้อีกครั้งหนึ่ง เพราะผู้ที่เข้าใจกระบวนการที่ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญระยะเปลี่ยนผ่าน ที่ละเอียดลึกซึ้งที่สุดคนหนึ่ง ก็คือ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญคนปัจจุบัน เนื่องจากท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2521 มากับมือ ทั้งยังเป็นผู้ได้ประโยชน์โดยตรงจากรัฐธรรมนูญช่วงเปลี่ยนผ่านนั้นมากที่สุดคนหนึ่งด้วย

 

มาวันนี้ เป็นข่าวว่า ท่านประธานคนเดียวกับที่ถามท่านรองวิษณุ ‘บังคับใช้รัฐธรรมนูญเป็น 2 ช่วงเวลา ทำยังไง’ มาจับเข่านั่งคุยกัน 2 ชั่วโมง จนเข้าใจตรงกัน

 


เพื่อพาประเทศ ‘ถอยหลัง’ ไป 40 ปี ???