"ไก่อู"ยัน น้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอ ตลอดฤดูแล้ง เร่งแก้ปัญหาพื้นที่แล้งหนัก

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.Tnews.co.th

"พล.ต.สรรเสริญ" ยืนยัน มีน้ำกินน้ำใช้เพียงพอตลอดฤดูแล้ง แต่ไม่นิ่งนอนใจ เร่งแก้ปัญหาพื้นที่แล้งหนักระดมแจกจ่ายน้ำ เตรียมทำฝนหลวง ขุดบ่อบาดาล วอนทุกฝ่ายร่วมประหยัดน้ำ พร้อมกำชับ กก.ชี้แจงนักท่องเที่ยวหวั่นแล้งกระทบท่องเที่ยวไทย

 

วันนี้  (27 ก.พ.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ถึงกระแสข่าวว่าจะมีน้ำใช้ไม่เพียงพอในช่วงฤดูแล้งนี้ว่า ไม่เป็นความจริง โดยข้อมูลน้ำของกรมชลประทานล่าสุดมีปริมาณน้ำใช้การได้ใน 4 เขื่อนหลัก 3,068 ล้านลบ.ม. ซึ่งเป็นตัวเลขจริงที่ใช้สื่อสารกับประชาชน ไม่รวมน้ำตายหรือน้ำกันเขื่อนที่มีตะกอน รวมทั้งยืนยันว่ามีน้ำเพื่อการอุปโภบริโภครักษาระบบนิเวศน์ผลักดันน้ำเค็มตามลุ่มน้ไเจ้าพระยาเพียงพอไปจนสิ้นฤดูแล้ง ส่วนภาคการเกษตรนั้นส่วนใหญ่เข้าใจดีแล้วว่ามีน้ำไม่เพียงพอ แต่ก็ยังมีบางพื้นที่ที่ต้องการปลูกข้าวต่อไปโดยยืนยันว่าจะรับความเสี่ยงเอง

 

"แม้ปริมาณน้ำทุกเขื่อนจะเพียงพอที่จัดสรรไปหล่อเลี้ยงคนทั้งประเทศตลอดฤดูแล้ง แต่ต้องยอมรับว่าบางพื้นที่เกิดภาวะแล้งจริง ซึ่งรัฐบาลไม่มีนิ่งนอนใจ ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัย 46 อำเภอ 12 จังหวัด เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถอนุมัติงบประมาณไปใช้ในระดับอำเภอและท้องถิ่น และขอรับการสนับสนุนรถบรรทุกน้ำหรือเครื่องสูบน้ำได้ ส่วนภาคการเกษตร ครม.ได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผ่าน ธ.ก.ส. รวมกว่า 9.3 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะมีผู้ได้รับประโยชน์กว่า 670,000 ราย"

 

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า รัฐบาลยังเตรียมเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน ซึ่งเป็น 1 ใน 8 มาตรการรับมือวิกฤตภัยแล้ง โดยจะปฎิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศ ตั้งแต่ 1 มี.ค.นี้ ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ กาญจนบุรี อุดรธานี นครราชสีมา จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี และจะดำเนินการขุดบ่อบาดาลเพิ่มอีก 2,000 บ่อภายในเดือน เม.ย.ในพื้นที่ประสบภัยแล้งระยะเร่งด่วนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะมีประชาชนได้รับประโยชน์ 225,733 ครัวเรือน

 

"ท่านนายกฯ เป็นห่วงเรื่องปัญหาภัยแล้งมากและขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ขอให้ทุกฝ่ายใช้น้ำอย่างประหยัดและปฎิบัติติดตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่โดยเคร่งครัดควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมการจ่ายน้ำของการกระปา

 

ทั้งนี้  รัฐบาลเตรียมรณรงค์ให้คนไทยประหยัดน้ำอย่างจริงจังและเชิญชวนการใช้น้ำและสืบสานวัฒนธรรมที่งดงาม

นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้ กระทรวงการท่องเที่ยว เป็นหน่วยงานหลัก สร้างความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเรื่องปริมาณน้ำใน รร.ที่พัก หรือแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งอาจกระทบต่อการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย"