"บิ๊กจิ๋ว" ลั่นขอขี่ม้าขาว  !! ประกาศจัดตั้งกองกำลังส่วนที่ 3  ขจัดความขัดแย้ง-สลายสีเสื้อ

ติดตามข่าวสารข้อมูล www.tnews.co.th

 

"พล.อ.ชวลิต" เปิดใจกับสื่ออีก !! ย้ำ ที่ร่วมพรรคเพื่อไทย หวังเป็นโซ่ข้อกลางและดอกไม้หลากสีขจัดความบานปลาย  -เผยเวลานี้  ตนได้จัดตั้งกองกำลังส่วนที่ 3  มี "ชาวไทยภูเขา 21 ชนเผ่า - กองกำลังที่วางอาวุธแล้ว - คนที่ฐานะยากจน" ภารกิจหลักคือการสลายสีเสื้อ    -วอนร่างรธน.ฉบับใหม่ ควรพุ่งเป้าแก้ปัญหาความยากจนเป็นอันดับแรก

 

 

 

 

วันนี้ ( 13 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดบ้านพักซอยปิ่นประภาคมเพื่อเปิดใจกับสื่อมวลชน  กล่าวว่า ในการพูดคุยครั้งนี้ไม่อยากให้เข้าใจผิดและเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งยืนยันว่าการทำงานของตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับใคร การตั้งพรรคการเมืองและทำงานการเมืองก็ทำมียุทธศาตร์ของตัวเองมาล่วงหน้าและมีความเป็นห่วงบ้านเมือง ไม่เคยเกี่ยวข้องและรับเงินใครทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน ตัวเองก็ไม่มีหน้าที่ต้องพาใครกลับบ้าน

 

 


          "ที่ผ่านมาได้สังกัดพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อแผ่นดิน ในฐานะที่เคยรับราชการทหาร เป็นหน้าที่โดยตรงในฐานะที่เป็นทหาร ต้องทำในสิ่งที่สร้างความสันติสุขเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ประชาชน โดยใช้ยุทธศาสตร์ของตัวเองทั้งโซ่ข้อกลางและดอกไม้หลากสีในการทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่อาจบานปลาย เพราะเมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้นถึงจุดสูงสุดจะนำไปสู่การต่อสู้กันด้วยอาวุธ โดยเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีตเมื่อ 20-30 ปีที่แล้วจนทำให้ไทยเกือบเสียแผ่นดิน"พล.อ.ชวลิต กล่าว

 

 

 


          อย่างไรก็ตามที่ตนตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทย เมื่อการใช้ยุทธศาสตร์ต่างๆไม่ได้ผลเพราะมีความต้องการของ"ชินดาวงศ์"คือ ชินวัตร ดามาพงศ์ วงศ์สวัสดิ์ มีภาระกิจพาคนกลับบ้าน ตนเห็นว่าไม่ใช้ยุทธศาตร์ที่วางไว้ โดยวันนั้น นายทักษิณ ได้สไกส์มาจากต่างประเทศ ตนกับนายเสนาะ เทียนทอง บอกว่ายังไม่ถึงเวลา ซึ่งได้ฝากคำสุดท้ายไว้ในที่ประชุมพรรคว่าการดำเนินงานการเมืองให้คิดถึงประชาชาเป็นหลักต้องทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจนเพราะเป็นสาเหตุที่นำไปสู่ปัญหาอื่น เช่น การศึกษา และอาชญากรรม หากพรรคการเมืองไม่มีจุดมุ่งหมายเช่นนี้งานการเมืองก็ไม่สำเร็จ

 

 

 


          ทั้งนี้ตัวเองไม่เคยรับคำสั่งใคร และยังเคารพรัก และคิดถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ท่านคนเดียว ซึ่งอยากพบพลเอกเปรมใจจะขาดแต่ไม่กล้าเพราะเคยได้ยินมาว่าพลเอกเปรมไม่อยากพบนักการเมือง ซึ่งขอยืนยันว่าตัวเองไม่ใช่นักการเมือง

 

 

 


          พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าขณะนี้ตนอยู่ระหว่างการใช้ยุทธศาสตร์ที่ 3 ในการแก้ปัญหาของประเทศ คือจัดตั้งกองกำลังส่วนที่ 3(Thrid Force) โดยตั้งมาแล้ว 3 ปี ซึ่งไม่ใช่กองกำลังที่ติดอาวุธแต่เป็นกองกำลังที่ประกอบด้วยบุคคลที่มีความคิด ความรู้ ในการแก้ปัญหาบ้านเมืองมารวมตัวกันเพื่อระดมความคิดช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมือง เพื่อให้คนไทยเลิกฆ่ากันเองและไม่มองทหารเป็นศัตรู โดยกองกำลังดังกล่าวมีแนวร่วมประกอบด้วย ชาวไทยภูเขา 21 ชนเผ่า คิดเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน ชาวไทยใหม่ อีกจำนวนหลักแสนคน ประชาชนที่มีฐานะยากจนมากกว่า 10 ล้านคน ประชาชนจากภาคใต้ และผู้ที่วางอาวุธแล้วประมาณ 200,000 -300,000 คน

 

 

 


          สำหรับภารกิจหลักที่จะทำคือให้ความรู้กับประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เข้าไปสลายทุกสีเสื้อ แต่หากเมื่อใดที่สังคมมีการปะทะกันด้วยกำลังก็จะเข้าไปแทรกแซงทางความคิดเพื่อให้คนไทยหยุดทะเลาะกันเพราะถ้าเกิดความขัดแย้งอีกครั้งจะเสียใจไปตลอดชีวิต ซึ่งการตั้งกองกำลังครั้งนี้ไม่กังวลและไม่คิดว่าต้องพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เพราะเป็นการช่วยแก้ปัญหาไม่ใช่การรบ แต่หากพล.อ.ประยุทธ์ ต้องการพูดคุยกับตัวเองก็ยินดีช่วยเสริมการทำงานของผู้ควบคุมประเทศ พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ขณะที่ยังสังกัดพรรคเพื่อไทยว่า นายเสนาะ เทียนทอง ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ได้บอกกับนายทักษิณว่าอย่าเพิ่งให้คนในตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์เข้าสู่วงการเมืองเพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้ง

 

 

 


          ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีร่างรัฐธรรมนูญ อาจมีปัญหาให้เกิดความขัดแย้งในประเทศหรือไม่โดยเฉพาะการสืบทอดอำนาจของคสช. พล.อ.ชวลิต กล่าวว่านายกฯและคสช.ควรนั่งลงคุยกันในเรื่องที่สังคมกังวล และส.ว.แต่งตั้งด้วยมาหาทางทำให้เกิดความสงบสันติสุขในบ้านเมืองมากที่สุด และในเวลานี้คนไม่ชอบทหารมีมากขึ้น ความยากจนเป็นเรื่องใหญ่สุดที่ต้องเร่งแก้ไขมากกว่ามาทุ่มเทเรื่องการเขียนรัฐธรรมนูญ ปราบโกง ต่อว่า นักการเมืองเลว ซึ่งท่านผู้นำก็ต้องอดทนและต้องเปลี่ยนบทบาทอย่าสร้างความเกลียดชังเพิ่มขึ้น การพูดอย่างสร้างสรรค์จะทำให้ทุกคนมาช่วยกันสร้างบ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า

 

 

 


          " รัฐธรรมนูญก็มีความสำคัญแต่ไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นได้ สิ่งที่เป็นเจตนาของรัฐธรรมนูญคือการเป็นประชาธิปไตย ซึ่งประชาธิปไตยสร้างด้วยนโยบายไม่ใช่รัฐธรรมนูญ โดยต้องให้เกิดความสมดุลระหว่างอำนาจอธิปไตยปวงชนกับเสรีภาพของบุคคลเพื่อไม่ให้เกิดสภาพอนาธิปไตยหรือเผด็จการ"อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวและว่าสำหรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาลนั้น มองว่าไม่มีความเป็นไปได้และไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ส่วนกรณีข้อเสนอ ส.ว.สรรหา ช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ถ้าจะมีต้องเป็น ส.ว. สรรหา อย่างแท้จริงที่ทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่สรรหาเพื่อเป็นการเชียร์อีกฝ่าย ซึ่งจะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม ส่วนกลไกพิเศษมีได้ถ้ามีความจำเป็น ตัวเองไม่ขัดข้อง

 

 

 


          พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาความยากจน ว่า ควรใช้นโยบาย 66/2523 และมติครม.แก้ปัญหาที่ดินวังน้ำเขียว เมื่อปี 2540 ที่ระบุว่าต้องให้สิทธิ์ที่ดินกับประชาชนที่อยู่อาศัยและทำกินมาก่อนที่รัฐบาลจะทำการประกาศเอกสารสิทธิ์ที่ดิน โดยอ้างอิงจากแผนที่ทหาร ไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ที่ไม่ว่าจะชี้ไปทางไหนประชาชนก็เป็นฝ่ายต้องโดนไล่ที่ให้ออกจากที่ดินทำกินที่ตัวเองอาศัยอยู่มาเป็นเวลานาน

 

 

 


          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการพูดคุยกับสื่อมวลชนได้มีนายทหารจาก กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 5 หรือ ปตอ. พัน 5 จำนวน 3 นาย มาสังเกตการณ์ นำโดยร.ต.ทวีศักดิ์ สุขเจริญ รองผู้บังคับหมวดปตอ.พัน 5 ซึ่งร้อยตรีทวีศักดิ์ระบุว่าเป็นการมาสังเกตการณ์ตามภารกิจประจำพื้นที่