ไม่ใช่แค่เห็นแย้ง!!! "สมชัย" ยันจม.โจมตีรธน.บิดเบือนชัด-หวังโน้มน้าวใจ ขณะ"บุญเลิศ" อันเป็นคนต้นเรื่องถูกหิ้วเข้า มทบ.11 แล้ว

ติดตามข่าวสารที่ www.Tnew.co.th

 

ไม่ใช่แค่หนังสือเห็นแย้ง...อย่างที่กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย-หัวก้าวหน้า-เพ้อคลั่งสิทธิมนุษยชนแบบฝรั่งอ้างแน่ ๆ เมื่อ "สมชัย ศรีสุทธิยากร" กกต.ฝ่ายบริหารการเลืองตั้ง ออกมายืนยันว่าจดหมายโจมตีร่างรัฐธรรมนูญที่เจอนับ 10,000 ฉบับที่เชียงใหม่ อันเป็นฐานอันแน่นหนาระดับเมืองหลวงเสื้อแดงและระบอบทักษิณทางภาคเหนือนั้น มีเนื้อหาเป็นเท็จ-บิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน โดยหวังโน้มน้าวใจประชาชนผู้มีสิทธิให้ไปออกเสียงประชามติตามที่ตนมุ่งหวัง แถมท้าหากนักการเมืองคนใดหรือพรรคใด เห็นว่าจดหมายดังกล่าวไม่ผิดก็ให้เผยแพร่เลย อย่ามาแค่ให้สัมภาษณ์ว่าไม่ผิด หรือถ้ามั่นใจก็ออกแถลงการณ์พรรคเลยก็จะได้...จะได้รู้ว่าผิดหรือไม่ผิด ขณะที่ "นายบุญเลิศ  บูรณุปกรณ์" นายก อบจ.เชียงใหม่ อันเป็นต้นทางของจมหมายดังกล่าว ถูกหิ้วตัวเข้า มทบ.11 แล้ว หลังกลับจากต่างประเทศเย็นวานนี้...ด้วยข้อหาเดียวกับที่ "กกต.-สมชัย" ระบุนั่นคือ "บิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ"...ไม่ใช่แค่หนังสือแสดงความเห็นแย้ง...อย่างที่พยายามตะแบงกัน (อารมณ์ เคนหล้า สำนักข่าว Tnews)


วันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ที่อาคารซอฟต์แวร์ ปาร์ค นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฝ่ายบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่มีการจับกุมคนที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่จดหมายโจมตีร่างรัฐธรรมนูญที่ จ.เชียงใหม่ตามที่เป็นข่าวไปบ้างแล้วว่า ตนได้เห็นจดหมายดังกล่าวแล้ว โดยความเห็นส่วนตัวตนเห็นว่า ข้อความที่ปรากฏในจดหมายเป็นข้อมูลเท็จ โน้มน้าวจูงใจบุคคล ซึ่งทราบมาว่า กกต.เชียงใหม่ ได้แจ้งความดำเนินคดีจึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายบ้านเมือง ที่จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งสุดท้ายศาลจะเป็นผู้ตัดสิน ถ้าหากการกระทำดังกล่าวมีเกิน 5 คน ก็จะมีโทษที่หนักขึ้น ตามาตรา 61 วรรคสาม ของพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559

 

แต่อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบ กกต.เชียงใหม่ ไม่ได้รายงานไปถึงตัวบุคคลว่าใครเป็นผู้กระทำในเรื่องนี้ แค่รายงานว่ามีการเผยแพร่จดหมายดังกล่าว พูดถึงแค่ตัวจดหมาย ถ้านักการเมืองคนใด หรือพรรคใด บอกว่าจดหมายดังกล่าวไม่ผิดก็ให้ทำการเผยแพร่ อย่ามาให้สัมภาษณ์แค่ว่าไม่ผิด เพราะถ้ามั่นใจอย่างนั้นก็ลองออกแถลงการณ์ในนามพรรคก็จะได้รู้ว่าผิดหรือไม่ผิด ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงความเห็นส่วนตัวว่าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น ตนเห็นว่าทุกคนมีสิทธิแสดงความเห็นหรือจุดยืนว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นปัญหาอะไร และไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้น เพราะนายอภิสิทธิ์ก็แถลงในนามส่วนตัว ไม่ใช่มติพรรค ซึ่งการแสดงความเห็นเพียงแค่อย่าให้เข้าข่ายผิดกฎหมายประชามติ

 

 


 

 

 

 

ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.วันเดียวกัน พล.ต.ต. ติณภัทร ภุมรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ พ.ต.อ.พิษณุ อุณหเสรี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำหมายเรียกไปเชิญตัวนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้เดินทางกลับจากต่างประเทศ และมาถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ซึ่งนายบุญเลิศถือเป็นต้นทางของเรื่องทั้งหมด เพราะจมหมายดังกล่าวถูกค้นพบในออฟฟิศส่วนตัวของเขา แถมมีลูกน้องคนสนิทเป็นผู้นำไปหย่อนใส่ตู้ไปรษณีย์เสียอีก

 

โดยได้มีการเชิญตัวนายบุญเลิศเข้าไปยัง ตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ และหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายบุญเลิศ เดินทางไปยัง มทบ.11 กรุงเทพฯ โดยเครื่องบินพาณิชย์ เพื่อรายงานตัวถึงกรณีบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญต่อไป