"หมอเปรม" บุกร้องกสทช.จี้ปิด5สำนักสื่อ เหตุละเมิดสิทธิ์ - ร้อง"ประยุทธ์" ปฏิรูป

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

นพ.เปรมศักดิ์ บุกยื่นหนังสือ กสทช.สอบสื่อฯ ระบุละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเสนอใช้ม.44 ปิดทั้ง 5 สำนัก ก่อนบุกร้องนายกฯ จี้ปฏิรูปสื่อ ชี้สื่อฯควรตรวจสอบเรื่องสารณะ ไม่ใช่เน้นเรื่องส่วนตัว ย้ำพร้อมให้ทุกส่วนตรวจสอบตามระบบ แต่ไม่ยอมรับการตรวจสอบข้างถนน พร้อมยอมรับรูปในข่าวคือตัวเอง
         

วันนี้ (29 ก.ค.)  เมื่อเวลา 09.15 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ได้เข้าพบนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. พร้อมยื่นหนังสือเรียกร้องให้ กสทช.ตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน  จากกรณีกระแสข่าวกักขังผู้สื่อข่าว 5 คน และบังคับจับถอดเสื้อผ้า จากการขอเข้าไปสัมภาษณ์เรื่องภาพเผยแพร่ในโซเชียลแต่งงานกับสาว ม.5  และขอให้เพิกถอนใบอนุญาต หรือปิดสื่อทั้ง 5 สำนักที่กระทำผิดกฎหมายตามมาตรา 44


นายฐากร  กล่าวว่าภายหลังจากรับหนังสือว่า  จะดำเนินการตรวจสอบ โดยจะเชิญ น.พ.เปรมศักดิ์ มาชี้แจงอีกครั้งว่าสื่อนำเสนอข่าวบิดเบือนอย่างไร  หากพบว่ามีการบิดเบือนก็มีขั้นตอนในการดำเนินการอยู่แล้ว แต่หากไม่ได้บิดเบือนจริงก็ไม่มีอำนาจในการจัดการ ส่วนเรื่องจริยธรรมของสื่อมวลชนนั้น ระบุว่า กสทช.ไม่มีอำนาจ แต่เป็นหน้าที่ของสมาคมนักข่าวที่จะต้องดำเนินการกันเอง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการยืนหนังสือ นพ.เปรมศักดิ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชน โดยรีบเดินทางกลับ ขณะที่สื่อมวลชนพยายามถามถึงเหตุการณ์วันที่ 26 ก.ค.  แต่ นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ได้เชิญสื่อมวลชนไปที่สำนักงาน และไม่ได้สั่งถอดเสื้อผ้าสื่อมวนชน ตนยินดีทำตามขั้นตอน และเคารพกฎหมายเสมอ
         

ต่อมาเวลา 10.30 น.  ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ทำเนียบรัฐบาล  นพ.เปรมศักดิ์  ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการปฏิรูปสื่อโดยแนบเอกสารที่ได้ยื่นต่อประธานคณะกรรมการกสทช. ที่ขอให้เพิกถอนใบอนุญาตหรือปิดสื่อที่กระทำผิดกฎหมายตรามมาตรา 44  กรณีสื่อเสนอข่าวที่มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน  อีกทั้งบุกรุกเข้ามายังห้องทำงานนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่และกดดันบีบคั้นตนเพื่อกระทำการนำเสนอข่าว ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิ เสรีภาพส่วนบุคคล
         

นพ.เปรมศักดิ์ ระบุว่า  ตนขอวิงวอนให้นายกฯใช้อำนาจมาตรา 44 นำสู่กระบวนการปฏิรูปสื่อพื่อยกระดับสื่อให้มีมาตรฐาน มีความรับผิดชอบและตรวจสอบได้เช่นเดียวกับวิชาชีพอื่น โดยที่ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ของสื่อ และเพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติ เพราะวิชาชีพสื่อนั้นต้องจบการศึกษา ฝึกอบรมด้านวิชาชีพมีมารยาทมีจรรยาบรรณที่เกี่ยวกับสื่อโดยตรงและต้องได้รับการขึ้นทะเบียนอนุญาตอย่างชัดเจนกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหรือหน่วยงานที่เป็นกลาง เชื่อถือได้ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการวิชาชีพอื่น,ขอให้ปฏิรูปบทบาทหน้าที่ จรรยาบรรณของสื่อให้มีมาตรฐานที่สากลพึงปฏิบัติ, ขอให้ปฏิรูปด้านการตรวจสอบและความรับผิดชอบของสื่อให้ชัดเจนเพราะที่ผ่านมาสื่อมักอ้างว่าสามารถควบคุมตัวเองได้ แต่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าแทบจะไม่มีการลงโทษกันในองค์กวิชาชีพนี้ หากมีการกระทำผิดมาตรฐานวิชาชีพ อย่างไรก็ตามควรต้องหน่วยงานที่เป็นกลาง น่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบได้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตทั้งรายบุคคลและองค์กรสื่อ หากมีความผิดเกิดขึ้น, ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าที่จะปฏิรูปสื่อ จึงทำให้เกิดปัญหาอภิสิทธิ์ชนขยายตัว ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมตามสมควร ตนจึงหวังพึ่งบารมีของนายกฯที่จะใช้ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของผู้นำในการสร้างประวัติศาสตร์ปฏิรูปสื่อเพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชน
         

นพ.เปรมศักดิ์  กล่าวว่า ตนยินดีที่จะถูกตรวจสอบโดยคระกรรมการที่ผู้ว่าราชการจ.ขอนแก่นตั้งขึ้นตามระบบ แต่ตนไม่ยอมรับการตรวจสอบข้างถนนเพราะเห็นว่าไม่ถูกต้องการที่สื่อบุกรุกเข้าห้องทำงานของตนนั้น ใครๆก็เห็นเจ้าหน้าที่ในสำนักงานก็เห็นการหลายคน มีพยานบุคคลที่เป็นทีมงานนายกเทศมนตรีทั้งนั้น ซึ่งหลายๆ คนเห็นแล้วก็รู้สึกงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะสื่อกลุ่มนั้นกรุเข้ามาในห้องทำงานโดยที่ไม่ได้นัดหมาย ทั้งๆ ที่ควรจะมีการนัดหมายกันก่อน แต่ไม่มีการนัดก่อน เป็นการกรูเข้ามาแล้วกดดันให้ตนให้ข่าว ซึ่งตนได้เรียนไปว่าถ้าพวกท่านเป็นตนแล้วเห็นใจกันบ้างหรือไม่เพราะตนต้องทำงานเพื่อประชาชน วันๆ หนึ่งก็หลายงาน ไม่ใช่เห็นว่าตนเป็นเหยื่ออยากได้อะไรก็จะเอา อย่างนั้นมันใช่มนุษย์ด้วยกันหรือไม่ ซึ่งตนก็ขอร้องกันเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรมาก เพียงแค่ขอให้เคาระกติกา ความเป็นมนุษย์ด้วยกันอย่างไรก็ตามสื่อที่ดีตนก็ไม่ว่าอะไร แต่ก็ต้องให้เกียรติแหล่งข่าวด้วย เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะให้ข่าวก็อย่ามาบีบคั้นกันจนเกินพอดี จะเขาใจเรา ทุกคนก็ต้องต้องการความเคารพซึ่งกันและกัน การยื่นหนังสือถึงนายกฯในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัว แต่ต้องการให้นายกฯเป็นผู้นำในการปฏิรูปสื่อ ซึ่งนายกฯจะพิจารณาอย่างไรก็แล้วแต่ เพียงเห็นว่าสิ่งที่ดีๆ น่าจะเกิดขึ้นในยุคนี้ได้        

         

ผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วทำไมจึงมีข่าวออกมาว่าบังคับสื่อให้ถอดกางเกง  นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า เป็นการให้ข่าวฝ่ายเดียวหรือไม่ ตนไม่เคยให้ข่าว และเมื่อเห็นข่าวแล้วก็รู้สึกว่าทำไมพี่ๆ สื่อเล่นกันแรงเหลือเกิน   เมื่อถามต่อว่ายืนยันหรือไม่ว่าไม่ได้บังคับให้สื่อที่อยู่ในห้องทำงานถอดกางเกง นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า "โอ๊ย ว่ากันเรื่อยเปื่อย  เห้ยน้องผู้ชายอายุ 64 ปีมีอะไรน่าดู ไม่ได้แก้เผ็ด เพราะผมไม่ได้เผ็ด  วันนั้นผมไม่ได้กินส้มตำ ไม่ได้เผ็ดเลย  ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น  ผมมีมารยาทเพียงพอ  และผมเป็นผู้ถูกกระทำ ไม่เคยนัดหมาย ไม่เคยเชิญให้เขาไปพบที่ห้องทำงาน งานผมแน่นทั้งวัน ไม่มีเชิญ ไม่มีล็อกห้องและขอเรียนว่าห้องนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่คนขายลอตเตอร์ลี่ก็เข้าไป ขอทานก็เข้าได้ไม่เคยปิดกั้นใคร เพราะเป็นห้องสารธารณะไม่ใช่เขตหวงห้ามแต่ก็ต้องประสานงานกันก่อนได้หรือไม่  และที่ห้องทำงานนั้นก็ไม่มีวงจรปิดเพราะผมไม่เคยระแวงใคร และนิสัยผมก็เป็นคนง่ายๆ"
         

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ถูกปลดออกจากกรรมการโรงเรียนบ้านไผ่ นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า ไม่เป็นไร ตามสบาย อยากทำอะไรก็ทำไป จะปลดออกจากศิษย์เก่าอนุบาลโรงเรียนไหนก็ทำไป เชิญได้เลย หรือจะปลดออกจากศิษย์เก่าที่เคยบวชกับพระพยอมก็เชิญ  จะไม่เลอะเทอะไปหน่อยหรือ  ใครอยากตรวจสอบก็ตรวจสอบเลย จะเป็นผู้ว่าฯ หรือใครก็เชิญ
         

เมื่อถามว่าในอนาคตจะกลับมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อีกหรือไม่   นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า ไม่เอาแล้ว เพราะตนอยู่กับประชาชนที่บ้านสนุกดีอยู่แล้ว    เมื่อถามต่อว่าระหว่างที่ถูกตั้งกรรมการสอบ จะยังคงปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีต่อหรือไม่  เพราะข้าราชการบางคนจะถูกพักงานระหว่างถุกสอบสวน   นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า แล้วจะให้ทำอย่างไร ขอให้สื่อไปดูกฎหมายบ้างว่าเขาให้ทำอย่างไร  ขณะนี้ในทางกฎหมายยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และขอย้ำว่าอย่าคิดเอาเองกำหนดเอาเอง แล้วชี้นำให้บ้านเมืองเป็นไปอย่างที่ใจอยากได้  ตนอยากให้สื่อมาสนใจเรื่องส่วนรวมมากกว่านี้
         

ผู้สื่อข่าวถามว่าในเมื่อ  นพ.เปรมศักดิ์เป็นคนสาธารณะ ย่อมถูกจับตามองและถูกตรวจได้  นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า "ผมก็อยากให้สื่อสนใจเรื่องสาธารณะทั้งขุดบ่อ ลอกคลอง เรื่องปลอดขยะ เรื่องชุมชน เรื่องบ้านเมืองไปถึงไหนอย่างไรทำไมไม่สนใจบ้าง  ตรงนี้ผมก็แปลกใจมากว่าในเมื่อเป็นคนสาธารณะแล้วทำไมมาสนใจแต่เรื่องส่วนตัวของเขา   ทำไม่ไม่สนใจเรื่องงานของเขา แต่นี่ไปเอารูปนั้นรูปนี้ขึ้นมาสำรวจตรวจสอบ อย่างกับเป็นเรื่องความเป็นความตายของบ้านเมือง   ผมขอถามในฐานะความเป็นมนุษย์ด้วยกันว่ามันใช่หรือไม่  และผมของย้ำว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดอะไร  คนที่พูดและพยายามทำนี้อย่าคิดว่าทำเหมือนตัวเอง   เพราะผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น อย่าไปคิดเองเออเอง อย่าเอาบรรทัดฐานตัวเองเป็นหลัก   แล้วการที่ไปยื่นหนังสือปลดจากประธานกรรมการโรงเรียนก็ดูคนที่ไปยื่นเป็นนักการเมืองในพื้นที่แล้วจะลงสมัครนายกเทศมนตรีแข่งกับผมในคราวหน้า   ซึ่งเขาประกาศตัวชัดเจนก็ต้องถามว่านี่มันใช่การตรวจสอบหรือไม่"

เมื่อถามต่อว่า  แสดงว่ามองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองใช่หรือไม่  นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ แต่ตนเป็นนักสู้ ตนไม่รังเกียจ 


" สื่อไม่ควรละเมิดเรื่องส่วนตัวของแหล่งข่าวที่เขาไม่อยากจะเปิดเผย ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็ตาม  เพราะผมเป็นบุคคลสาธารณะก็อยากจะทำเรื่องสาธารณะมากกว่า  ส่วนภาพต้นเรื่องที่เป็นข่าวนั้นผมไม่ขอพูดถึงเพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่ใครๆ  ก็มีเรื่องส่วนตัวทั้งนั้น ส่วนจะมีการฟ้องกลับสื่อที่นำภาพนั้นไปลงหรือไม่คงต้องดูข้อกฎหมาย   เพราะในความเป็นจริงสื่อกับผมก็พี่น้องกันทั้งนั้นน้ำพึ่งเรื่องเสือพึ่งป่า พึ่งพาอาศัยกัน  ผมเองก็ไม่ใช่คนโหดร้าย มีแต่ทำงานให้ชาวบ้าน ไม่ใช่นักการเมืองที่เลวร้ายหรือทำความเสียหายให้กับประชาชนทำงานให้สาธารณะ ทำงานที่เป็นประโยชน์ได้รับรางวัลมากมาย ไม่ใช่ว่าพอมีอะไรก็ไม่ถามถ่ายไปเลย" นพ.เปรมศักดิ์กล่าว
         

เมื่อถามว่าในรูปภาพเสื้อสีชมพูนั้นยืนยันว่าเป็นตัวเองใช่หรือไม่  ไม่ใช่คนหน้าเหมือนใช่ไหม นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า "ใช่ครับๆ ผมเองครับ ผมเองครับผมแน่นอน ไม่มีปัญหา แต่เรื่องส่วนตัวผมไม่พูด
         

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากคณะกรรมการที่ทางผู้ว่าฯ ตั้งขึ้นมาสอบสวนนั้น จะมีมติอย่างไรก็ยอมรับใช่หรือไม่  นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า  รายละเอียดต่างๆ จนจะพูดอีกครั้งในเฟซบุ๊กไลฟ์ เวลา 16.30 น.วันเดียวกันนี้ และตนเองเป็นคนที่เคารพกติกา กติกาว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น ไม่ว่าคณะกรรมการจะมีมติอย่างไร ตนก็ยอมรับทั้งหมด แต่จะไม่ยอมรับมติข้างถนน

ขอบคุณภาพจาก Arm Worawit ‏@ArmUpdate