- 21 ส.ค. 2559
ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th
วันนี้ (21 ส.ค.) นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่แสดงประชามติมาชัดเจนแล้วว่า 5 ปีแรกนี้ให้นายกรัฐมนตรีมาจากที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา อันมีเจตจำนงตรงกันของชาวบ้านว่า 5 ปีนี้เท่านั้นให้ ส.ส.และ ส.ว.ที่เป็นสมาชิกรัฐสภาร่วมกันเลือกนายกฯ มาบริหารบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อยมั่นคง ช่วยกันดูแลพัฒนาบ้านเมืองให้เข้าที่เข้าทาง แล้วค่อยส่งไม้ต่อให้ ส.ส.มารับผิดชอบเต็มที่เต็มกำลัง ตามระบอบประชาธิปไตยแบบสากลต่อไป
ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องตีความให้ซับซ้อน ประเด็นที่ถกเถียงกันว่า ส.ว.มีสิทธิที่จะเสนอชื่อนายกฯหรือไม่ ตนเห็นว่า ไม่น่าจะต้องมาถกเถียงกัน เพราะในรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 ก็ใช้คำว่าพิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งก็หมายความว่า ให้มีสิทธิทั้งเสนอชื่อและโหวต เป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมา ก็ควรเอาความต้องการของประชาชนไปแก้ใส่ไว้ในบทเฉพาะกาล แค่นี้ก็จบ
นายวันชัย กล่าวต่อว่า เมื่อเลือกตั้งแล้วเปิดประชุมมาทั้ง ส.ส.และ ส.ว. ในฐานะสมาชิกรัฐสภาก็ร่วมกันพิจารณาว่าจะเอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะเอานายกฯ จากบัญชีรายชื่อหรือนอกบัญชีรายชื่อ ก็ว่ากันไป ประชาชนเขาให้เป็นอำนาจของสมาชิกรัฐสภาแล้ว ใครได้รับเลือกด้วยเสียงข้างมาก คนๆ นั้นก็เป็นนายกฯ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ ไม่มีลับลมคมในอะไร เป็นไปตามความต้องการของประชาชนที่แท้จริง อย่าเอาความรู้สึกของใครคนใดคนหนึ่งมาเป็นที่ตั้ง ไม่มีอะไรที่จะต้องเป็นห่วง อย่ามัวไปนั่งคิดตีความอย่างแคบอย่างกว้าง อย่างนี้ทำได้อย่างนั้นทำไม่ได้ มุ่งเดินไปข้างหน้าเพื่อการปฏิรูปเพื่อการแก้ปัญหาของประเทศจะดีกว่า อย่ามัวดึงกันไปดึงกันมา เอาแพ้เอาชนะกัน ประเทศชาติจะเสียหาย
นายวันชัย กล่าวอีกว่า เจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาชนคือ ใน 5 ปีแรกนี้ ให้สมาชิกรัฐสภาร่วมกันโหวตเลือกนายกฯ นี่คือหลักการที่สำคัญ ส่วนวิธีการจะใช้วิธีเลือกนายกฯ จากบัญชีรายชื่อก่อนถ้าเลือกได้ก็เลือกกันไป แต่ถ้าเลือกไม่ได้จะเลือกนายกฯจากบุคคลในบัญชีหรือนอกบัญชีก็ว่ากันไป นั่นอาจเป็นวิธีการที่ทำให้เกิดความลงตัว เป็นการเคารพเสียงจากบัญชีรายชื่อเสียก่อนก็ได้ ถ้าไม่ได้จึงมาใช้วิธีอื่นต่อไป มันก็เป็นเรื่องที่ผสมผสาน เกิดความพอดีและลงตัวไปด้วยกันได้ทุกฝ่าย อันเป็นการยึดในหลักการและก็หาวิธีการให้มันปฏิบัติได้แบบลงตัว
" ถ้าคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และ สนช. ซึ่งมาจากแม่น้ำสายเดียวกัน แต่กลับขัดแย้งกันไปคนละทิศคนละทาง ยิ่งจะเข้าทางของฝ่ายตรงข้าม ถือโอกาสเอาความขัดแย้งและความคิดเห็นที่แตกแยกมาขยายผลเป็นประเด็นทางการเมือง การลงประชามติทำมาด้วยดีอยู่แล้ว บ้านเมืองก็น่าจะเดินไปได้ด้วยดี ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่น่าจะทำให้ประชาชนผิดหวังและเสียความรู้สึก" นายวันชัยกล่าว