เอาไงดีล่ะ"ตู่"!!  จตุพร" ไลฟ์สดชวนทุกพรรคทำสัญญาไม่หนุนนายกฯคนนอก พร้อมยุส่งให้"บิ๊กตู่"สืบทอดอำนาจ ด้วยเหตุผลแบบนี้

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้ ( 22 ส.ค.)  นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.  ได้ออกมากล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ในเพจชื่อ "Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์" ว่า เมื่อผู้มีอำนาจวางแผนสืบทอดอำนาจและพยายามไปเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกแล้ว  จึงต้องยุส่งให้ได้เป็นตามความอยาก  เพื่อให้เจอกับความจริงทางการเมืองที่ ส.ส. จ้องรุมวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในสภา  ตนเห็นว่าตั้งแต่ประเทศผ่านการยึดอำนาจ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีน้อยคนที่คิดจะอยู่นาน นักรัฐประหารหลายคนไม่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ หรือบางคนรู้จักพอ แต่คนเมื่อมีอำนาจสูงสุดของประเทศแล้วย่อมเกิดความอยากและมีตัณหาทางการเมือง  จึงสิ้นปัญญาคิดถึงอนาคตของประเทศในระยะยาว
        

นายจตุพร กล่าวต่อว่า  การสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ไปเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกนั้น  เห็นว่าบางครั้งความอยากของมนุษย์ต้องส่งเสริมเพื่อให้ไปเจอความจริงกันบ้าง  จึงต้องยุส่งให้ได้ตามความอยากนั้นเสียเลย  ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศเกิดความขัดแย้ง  มีการสร้างความชิงชังกันขึ้น  แบ่งพรรคแบ่งพวก สังคมอยู่ในสภาพจิตตก  ฉะนั้นในการเลือกตั้งครั้งใหม่  จึงไม่ได้หวั่นพรรคจะไม่ชนะเลือกตั้ง  แต่กลัวว่าหากชนะแล้วจะปกครองไม่ได้  เพราะสภาพสังคมจิตตก และบทเรียนจากประชามติทำให้เกิดการซึมซับทางอำนาจไปสู่นายกรัฐมนตรีคนนอก     

        

" การทำประชามติ ไม่มีพรรคการเมืองใดประกาศรับร่างรัฐธรรมนูญ และคำถามพ่วงให้วุฒิสภา (ส.ว.) ร่วมออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้น พรรคการเมืองที่ลงเลือกตั้ง ควรประกาศเป็นสัญญาประชาคมว่า  จะเอานายกรัฐมนตรีคนนอกหรือไม่  และหากไม่เอาแล้ว  ต้องรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้คนของพรรคการเมืองเป็นนายกรัฐมนตรี  เพื่อให้เป็นสัญญาทางการเมืองกับประชาชนไว้  แต่จากนี้ไป ช่วงเวลาปีครึ่งที่จะได้รัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศ  ในทางการเมืองแล้ว กว่าจะมีรัฐบาลใหม่จึงเป็นเวลาที่นานมาก" นายจตุพรกล่าว
       

ประธาน นปช. กล่าวต่ออีกว่า สังคมยังไม่เข้าใจร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ กันอย่างชัดเจน  จึงต้องยุส่งให้ทุกอย่างเดินไปสุดทาง เพื่อจะได้รับรู้ปรากฏการณ์อย่างชัดเจน ส่วน สนช. อ้างการหลบเลี่ยงการเป็นวุฒิสภาแต่งตั้งว่า ยังไม่มีกฎหมายลูกออกมานั้น  สิ่งนี้ทางการเมืองรู้กันแล้วว่า สนช. ต้องออกกฎหมายเปิดช่องให้ตัวเองไปสู่ ส.ว. แต่งตั้งอย่างแน่ชัด

ประธาน นปช. กล่าวต่อไปว่า  พล.อ.ประยุทธ์ มักพูดมากฝ่ายเดียวและไม่เคยถูกใครพูดสวน  รวมทั้งในทางการเมืองยังไม่เคยถูกวิจารณ์หนักๆ เมื่ออยากเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกเพียงแค่หา ส.ส. เลือกตั้ง 125 เสียงมาหนุน ก็เป็นเสียงข้างมากในรัฐสภาแล้ว แต่การประชุมสภาที่มีเรื่องมากมายทั้งถูกตั้งกระทู้ถาม การออกกฎหมายต่างๆ เชื่อว่า คงไม่สามารถทนฟังเสียงวิจารณ์ของ ส.ส.ได้  ซึ่งอนาคตนายกรัฐมนตรีคนนอกจะเจอของจริงเช่นนี้  และเมื่อทนไม่ได้  ทางออกมีเพียง ลาออก ยุบสภา หรือยึดอำนาจตัวเองเหมือนจอมพลถนอม กิตติขจร ที่เคยทำมาแล้วในปี 2514  ดังนั้น เส้นทางการเมืองแบบนี้  จึงต้องทำให้คนไทยและขบวนการสนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนนอกได้เห็นปัญหาทางการเมือง และได้รับบทเรียนด้วยตัวเอง ย่อมเป็นหนทางแก้วิกฤตการเมืองได้
        

" เมื่อทำทุกวิถีทาง เพื่อการสืบทอดอำนาจ และอยากเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก ต้องทำให้หายอยาก จะได้รู้ว่าสิ่งที่คิดว่าเป็นสวรรค์นั้น มันคือนรก เมื่อบางเรื่องขัดไม่ได้  ก็ต้องยุส่งให้เป็นอย่างที่อยากไปเลย  แต่ในช่วงเวลาปีครึ่งจากนี้  ไม่มีใครบอกได้จะเกิดอะไรขึ้น  เพราะการบริหารประเทศโดยเน้นการโกหกใหม่มากลบเรื่องราวโกหกเก่าๆ อยู่เรื่อยไป  ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้   ดังนั้น การเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก เมื่ออยู่ในระบบสภา ไร้อำนาจตาม ม.44 แล้ว จะจบไม่สวย จึงต้องยุส่งไปเลย"