โอ้โห...บรรเจิดจริง!!! "กกต." ผุดไอเดีย "นายกฯ" ต้องดีเบตผ่านสื่อ-แก้เกมหยิบ "คนโง่" มานั่งเก้าอี้

ติดตามข่าวสารที่ www.Tnew.co.th

 

 

โอ้โห...บรรเจิดจริง!!! สมชัย ศรีสุทธิยากร-กกต.ฝ่ายบริหารงานเลือกตั้ง เผยที่ประชุมฯ เสนอ 4 ประเด็นหลักในกฎหมายเลือกตั้ง โดยเพิ่มค่าสมัครจาก 5,000 เป็น 1 หมื่นบาท เพื่อดัดหลังพวกอยากดังทั้งหลาย แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือคนที่จะเป็น "นายกฯ" ต้องกล้าดีเบตผ่านสื่อโทรทัศน์ 5-6 ครั้งเป็นอย่างน้อย เรื่องนี้เพื่อแก้เกมที่จู่ ๆ พรรคผู้ชนะไปหยิบ "คนโง่" มานั่งเก้าอี้เบอร์ 1 ทำเนียบ...แล้วทำให้คนไทยต้องเจ็บปวด

 

วันนี้ (14 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงภายหลังประชุมว่า ยังมีหลายเรื่องที่ต้องไปปรับแก้ไขเพิ่มเติมก่อนส่งร่างให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้ โดยคาดว่าจะเสร็จภายในวันที่ 15 ก.ย. และวันที่ 16 ก.ย. ประธาน กกต.จะลงนามเพื่อส่งให้ กรธ.พิจารณาได้


นายสมชัย เปิดเผยว่า สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.นี้ได้เสนอ 4 ประเด็น เพื่อปฏิรูปการเลือกตั้ง ส.ส.ให้มีคุณภาพ คือ


1.กลไกการรับสมัคร ซึ่งในอดีตผู้สมัครบางพรรคไม่ประสงค์เป็น ส.ส. แต่ใช้โอกาสสมัครเพื่อแสดงตัวต่อสาธารณะ ทำให้เกิดปัญหาผู้สมัครจำนวนมากได้คะแนนหลักร้อยหลักพัน จึงกำหนดให้เพิ่มค่าสมัคร ส.ส.เขต เป็น 10,000 บาทต่อคน จากเดิม 5,000 บาท โดยกรณีผู้สมัครได้รับคะแนนเลือกตั้งเกิน 5% หรือได้คะแนนประมาณ 4-5 คะแนนขึ้นไป จะคืนค่าสมัครให้ครึ่งหนึ่ง คือ 5,000 บาท รวมทั้งจะเพิ่มช่องทางให้มีการรับสมัครทางอินเทอร์เน็ตควบคู่กับวิธีปกติ เพื่อแก้ปัญหาในอดีตที่มีการขัดขวางการเลือกตั้ง และเมื่อรับสมัครเสร็จแล้วจึงจะมาจับสลากหมายเลข จะเป็นหมายเลขเดียวกันทั้งประเทศ


2.กลไกหาเสียง ได้กำหนดให้ป้ายหาเสียงมีขนาด 60x60 ซม. ติดได้ 200 จุดสำคัญใน 1 เขตเลือกตั้งตามที่ กกต.กำหนด และกำหนดให้ กกต.ส่งรายละเอียดของผู้สมัครถึงประชาชนด้วย จะทำให้เป็นการเมืองต้นทุนต่ำ นอกจากนี้ พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครไม่น้อยกว่า 50% ของเขตเลือกตั้งทั้งหมดคือ 175 เขต จากทั้งหมด 350 เขต กำหนดให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ของพรรคนั้นต้องดีเบตนโยบาย 5-6 ครั้ง ผ่านสถานีโทรทัศน์ ขณะเดียวกันการหาเสียงทางอินเทอร์เน็ตได้จำกัดการหาเสียงต้องนิ่งใน 7 วันก่อนการเลือกตั้งต้องไม่เปลี่ยนแปลง


3.การลงคะแนนได้เพิ่มช่องทางและวิธีการลงคะแนนต่างๆ เช่น จัดให้เลือกตั้งล่วงหน้า 2 วัน ขยายเวลาถึง 18.00 น. ส่วนวันเลือกตั้งปกติให้ขยายเวลาถึง 16.00 น. ส่วนเรื่องจำหน่ายจ่ายแจกสุราได้เสนอให้ห้ามจำหน่ายจ่ายแจกสุราในระยะสั้นลง จากเวลา 18.00 น.ก่อนวันเลือกตั้งถึง 24.00 น.ของวันเลือกตั้งเดิม เป็น 18.00 น. ก่อนวันเลือกตั้งถึง 18.00 น. ของวันเลือกตั้ง เพราะหลังปิดหีบ 2 ชั่วโมง การนับคะแนนน่าจะเสร็จสิ้นแล้ว

 

4.การประกาศผล กรณีมีปัญหาจะมี 3 อย่าง ได้แก่ ใบเหลือง คือการสั่งให้เลือกตั้งใหม่ หากพบว่ามีการทุจริตการเลือกตั้ง แต่ไม่เชื่อมโยงผู้สมัคร หรือไม่เป็นไปตามกฎหมาย ใบส้ม คือความผิดก่อนการเลือกตั้งหรือก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง เป็นเหตุให้ต้องเอาคนผิดออกจากการเลือกตั้ง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 1 ปี เป็นอำนาจ กกต.พิจารณา และใบแดง คือการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี เป็นอำนาจของศาล ส่วนเรื่องใบดำที่ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีพนั้น กกต.ไม่ได้กำหนด แต่มีการกำหนดคุณสมบัติต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งตามร่างรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว