หนาวทั้งข้อง!! คสช.ใช้ ม.44 ไฟเขียว"กรมบังคับคดี" เรียกค่าสินไหม"คดีจำนำข้าว-มันสำปะหลัง-ข้าวโพด"

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้ (14 ก.ย.)   ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๖/๒๕๕๙ เรื่อง การคุ้มครองการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในการดูแลของรัฐและการดำเนินการต่อผู้ต้องรับผิด
         

ตามที่ได้มีการดำเนินการโครงการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรับจำนำข้าวเปลือก โครงการแทรกแซงมันสำปะหลัง หรือโครงการแทรกแซงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรากฏว่าในปัจจุบันยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรดังกล่าวคงเหลือในการดูแลของรัฐที่เก็บอยู่ทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก หากการเก็บรักษาและการควบคุมดูแลหรือการระบายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเหล่านี้ออกสู่ตลาดอย่างไม่รอบคอบรัดกุมหรือไม่สุจริต กรณีเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเพราะรัฐต้องจัดสรรงบประมาณเป็นจำนวนมากเพื่อไม่ให้การบริหารจัดการและการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่คงเหลือเกิดความเสียหายแก่รัฐเพิ่มขึ้น ในขณะที่รัฐต้องเร่งตรวจสอบปริมาณและคุณภาพรวมทั้งวางมาตรการระบายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรออกสู่ตลาดให้เหมาะสม มิฉะนั้นจะเสื่อมสภาพจนเสื่อมราคา กระทบต่อราคาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในฤดูกาลปัจจุบันและฤดูกาลใหม่ที่จะมาถึงจนเกิดความเสียหายอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจ ทั้งต้องดำเนินการต่อผู้ต้องรับผิดเพื่อให้ชดใช้ความเสียหายแก่รัฐอันเป็นความจำเป็นเพื่อป้องกันและระงับความเสียหายต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
         
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
          ข้อ ๑ ให้บุคคล คณะบุคคล คณะทำงาน คณะกรรมการ หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับแต่งตั้งตามกฎหมายหรือได้รับมอบหมายจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีผู้เกี่ยวข้อง คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง หรือคณะกรรมการนโยบายข้าวโพด ให้ดำเนินการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังหรือข้าวโพดที่อยู่ในการดูแลรักษาของรัฐ ดังต่อไปนี้
          (๑) โครงการแทรกแซงมันสำปะหลังของรัฐ ตั้งแต่ปีการผลิต ๒๕๕๑/๒๕๕๒ จนถึงปีการผลิต ๒๕๕๕/๒๕๕๖ ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ หรือภายหลังจากนั้น
          (๒) โครงการแทรกแซงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๕๑/๒๕๕๒ ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ หรือภายหลังจากนั้นยังคงมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการดังกล่าวต่อไปเช่นเดิม ทั้งนี้ เพื่อระงับยับยั้งมิให้เกิดความเสียหายแก่รัฐเพิ่มขึ้นเพราะเหตุแห่งความเสื่อมสภาพของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังหรือข้าวโพด การแตกต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์หัวมันสำปะหลังสดหรือข้าวโพดที่รับจำนำกับราคาที่จำหน่ายได้ การที่รัฐต้องรับภาระค่าเช่าคลังค่าประกันภัย ค่าดูแลรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังหรือข้าวโพด ค่าใช้จ่ายอื่นและดอกเบี้ย และเพื่อป้องกันมิให้การระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังหรือข้าวโพดเป็นการเพิ่มอุปทานตลาดในช่วงเวลาเดียวกับที่มีผลผลิตฤดูกาลใหม่โดยไม่สมควร รวมทั้งดำเนินการเพื่อให้ทราบตัวผู้ต้องรับผิดและเรียกให้ผู้นั้นชดใช้ความเสียหายแก่รัฐตามกฎหมาย
          ในกรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งได้กระทำการไปตามอำนาจหน้าที่โดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติและไม่เกินสมควรแก่เหตุหรือไม่เกินกว่ากรณีจำเป็น ย่อมได้รับความคุ้มครองและไม่ต้องรับผิดทางแพ่งทางอาญา หรือทางวินัย แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ได้รับความเสียหายที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากทางราชการตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
          ข้อ ๒ เมื่อได้มีคำสั่งทางปกครองของหน่วยงานของรัฐหรือคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลแล้วแต่กรณี ให้มีการบังคับทางปกครองต่อผู้ต้องรับผิดตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐ ตั้งแต่ปีการผลิต ๒๕๔๘/๒๕๔๙ จนถึงปีการผลิต ๒๕๕๖/๒๕๕๗ โครงการแทรกแซงมันสำปะหลังของรัฐตั้งแต่ปีการผลิต ๒๕๕๑/๒๕๕๒ จนถึงปีการผลิต ๒๕๕๕/๒๕๕๖ หรือโครงการแทรกแซงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี ๒๕๕๑/๒๕๕๒ ให้กรมบังคับคดีมีอำนาจหน้าที่ในการใช้มาตรการบังคับทางปกครอง ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เพื่อบังคับการให้เป็นไปตามคำสั่งหรือคำพิพากษาดังกล่าว และให้ได้รับความคุ้มครองตามข้อ ๑ วรรคสอง ด้วย
          ข้อ ๓ ให้บุคคลตามข้อ ๑ วรรคหนึ่ง ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ที่ต้องดำเนินการใด ๆ ตามคำสั่งทางปกครองของหน่วยงานของรัฐหรือคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาล แล้วแต่กรณี ให้มีการดำเนินการต่อผู้ต้องรับผิดตามโครงการแทรกแซงมันสำปะหลังของรัฐ ตั้งแต่ปีการผลิต ๒๕๕๑/๒๕๕๒ จนถึงปีการผลิต ๒๕๕๕/๒๕๕๖ หรือโครงการแทรกแซงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๕๑/๒๕๕๒ ได้รับความคุ้มครองตามข้อ ๑ วรรคสอง ด้วยให้นำความในวรรคหนึ่ง ไปใช้บังคับกับการดำเนินการต่อผู้ต้องรับผิดในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐ ตั้งแต่ปีการผลิต ๒๕๔๘/๒๕๔๙ จนถึงปีการผลิต ๒๕๕๖/๒๕๕๗ ด้วย
          ข้อ ๔ ในกรณีเห็นสมควรนายกรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้
          ข้อ ๕ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
          สั่ง ณ วันที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙
          พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
          หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
         

อย่างไรก็ตาม  เมื่อปี 2558 ได้มีประกาศคำสั่งหัวหน้าคสช. 39/2558 เรื่องการคุ้มครองการบริหารจัดการข้าวคงเหลือในการดูแลรักษาของรัฐและการดำเนินการต่อผู้ต้องรับผิด ตามที่มีการดำเนินการตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลในอดีตตั้งแต่ปีการผลิต 48/49 จนถึงปีการผลิต 56/57 ปรากฏว่ายังคงมีข้าวคงเหลือในการดูแลรักษาของรัฐที่เก็บอยู่ทั่วประเทศเป็นปริมาณมหาศาล หากการเก็บรักษาหรือการระบายข้าวออกสู่ตลาดไม่รอบคอบรัดกุมหรือไม่สุจริต ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ รัฐต้องวางมาตรการระบายข้าวดังกล่าว ออกสู่ตลาดให้เหมาะสมมิให้กระทบต่อราคาข้าวฤดูกาลใหม่ที่ทยอยออกมา ทั้งต้องดำเนินการต่อผู้ต้องรับผิด เพื่อให้ชดใช้ความเสียหายแก่รัฐ
         
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 57 หัวหน้า คสช.โดยความเห็นชอบของคสช.จึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
          1. ให้บุคคล คณะบุคคล คณะทำงาน คณะกรรมการ หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับแต่งตั้งตามกฎหมายหรือได้รับมอบหมายจากหัวหน้า คสช. คสช. รมว. นายกฯ ครม.หรือคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวให้ดำเนินการบริหารจัดการข้าวที่อยู่ในการดูแลรักษาของรัฐตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐ ตั้งแต่ปีการผลิต 48/49 จนถึงปีการผลิต 56/57 ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 หรือภายหลังจากนั้น ยังคงมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการดังกล่าวต่อไปเช่นเดิมทั้งนี้เพื่อระงับยับยั้งมิให้เกิดความเสียหายแก่รัฐเพิ่มขึ้นเพราะเหตุแห่งความเสื่อมสภาพของข้าว รวมทั้งดำเนินการเพื่อให้ทราบตัวผู้ต้องรับผิด และเรียกให้ผู้นั้นชดใช้ความเสียหายแก่รัฐตามกฎหมายในกรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และได้กระทำโดยสุจริต ย่อมได้รับความคุ้มครองไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งทางอาญา หรือทางวินัย