"สุริยะใส" ติงอย่ามักง่ายโยนมท.คุมเลือกตั้ง เสนอเปิดทางประชาสังคมมีส่วนร่วม-รื้อกกต.จว.

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้ ( 18 ก.ย.)  นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย(สปท.) ได้โพสต์ข้อความในเพจเฟชบุ๊ค"สุริยะใส กตะศิลา" หลังจากมีข่าวจะให้กระทรวงมหาดไทยกลับมาคุมอำนาจจัดการเลือกตั้งอีกครั้ง โดยข้อความที่โพสต์ระบุว่า


" ผมไม่เห็นด้วยที่จะแก้ปัญหารการจัดการเลือกตั้งที่ไม่สุจริต  โดยกลับไปใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทย และให้ กกต.เป็นแค่ผู้กำกับเท่านั้น  แนวคิดนี้แก้ปัญหาแบบมักง่ายและสะท้อนว่าเราไม่สามารถออกแบบกลไกการจัดการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรมที่มีทางเลือกมากกว่า กกต.หรือ มหาดไทย  

ผมไม่ปฎิเสธว่าการจัดการเลือกตั้งโดย กกต.ที่ผ่านมามีปัญหา  แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าการจัดการโดยมหาดไทยก็มีปัญหาไม่น้อยไปกว่ากันหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ  ที่สำคัญถ้าประเมินผลงาน กกต.ในชุดแรกๆ ทำไมได้รับการยอมรับสูงกว่าชุดหลัง   อันนี้ต่างหากที่ต้องวิเคราะห์และทบทวนเพื่อปรับปรุงการทำงานของ กกต.  
ถ้าเรายอมรับกันว่ามันมีปัญหาทั้ง 2 ส่วน ก็ต้องหาทางออกที่ 3 ไม่ใช่อยู่ในสภาวะหนีเสือปะจรเข้ กลับไปกลับมาวนในอ่างกันอยู่แบบนี้  ผมเสนอทางที่ 3 คือเพิ่มบทบาทประชาสังคมหรือประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้น  ทั้งในระดับการจัดการเลือกตั้ง  การตรวจสอบทุจริตและไปจนถึงกระบวนการสอบสวนวินิจฉัย  เช่น รื้อสัดส่วนที่มาของ กกต.จังหวัดให้หลากหลายและเป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมืองมากกว่านี้  

และ กกต.ต้องมีแผนในการจัดตั้งหรือสร้างเครือข่ายการเลือกตั้งที่โปร่งใส  เช่นองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตยหรือพีเน็ต  ไม่ใช่ขอความร่วมมือจากประชาชนแค่ช่วงเลือกตั้งสั้นๆ  ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพจริง   ในหลายๆ ประเทศมีกลไกประชาสังคมเข้ามากำกับควบคุมการเลือกตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ   

และในขณะเดียวกันก็สร้างภาคิเครือข่ายในรูปแแบพหุภาคี บูรณาการทุกภาคฝ่าย มีทั้ง กกต.ประชาสังคมและกลไกราชการที่ไม่ใช่แค่มหาดไทยก็สามารถเข้าร่วมได้ ความร่วมมือแบบพหุภาคีนี้จะทำให้เกิดเครือข่ายตาสับปะรดทั่วประเทศไม่ใช่อยู่ในมือหรือผูกขาดโย กกต.หรือมหาดไทยเท่านั้น และเครือข่ายตาสับปะรดไม่ควรเป็นกลไกเฉพาะกิจ

นอกจากนี้ควรให้กระบวนการสอบสวนวินิจฉัยต้องโปร่งใสและอิสระมากกว่านี้ เช่น กำหนดให้ กกต.ต้องเขียนคำวินิจฉัยส่วนตนคล้ายๆ ศาลรัฐธรรมนูญและเปิดเผยเพื่อให้สังคมตรวจสอบคำวินิจฉัยของ กกต.แต่ละคนได้ว่ามีหลักวินิจฉัยที่เป็นเหตุเป็นผลหรือไม่