อดีตปธ.สอบประวัติ "ธีรวัฒน์" ยันตรวจดีแล้ว ไม่มีใครร้องปมโกง คาดเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวเซ็ทซีโร่ กกต.

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้ (18 ก.ย.)  นายชูชัย พงศ์เลิศอดิศร อดีต ส.ว.เชียงใหม่  ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อตรวจสอบประวัติและความประพฤติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อปี 2556 กล่าวถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินมีความเห็นว่านายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง มีพฤติกรรมเข้าข่ายขัดต่อจริยธรรมตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ต่อเนื่องจนถึงกกต.และให้กกต.ดำเนินการตรวจสอบว่า ในขณะที่ทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นกกต.ทั้ง 5 คนของวุฒิสภานั้น  ตนในฐานะประธานได้มีหนังสือไปยังหน่วยงานต่างๆ 20 กว่าหน่วยงาน  เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบและส่งข้อมูลกลับมาว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งหมดมีประวัติที่ไม่ดี  เข้าข่ายห้ามดำรงตำแหน่งหรือไม่  ซึ่งนายธีรวัฒน์ ได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา  ตนก็มีหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการตุลาการ (กต.)  ก็ได้รับแจ้งว่าไม่มีเรื่องร้องเรียน  ดังนั้นข้อมูลที่คณะกรรมาธิการฯ ได้รับขณะนั้นคือนายธีรวัฒน์ ไม่มีเรื่องถูกร้องเรียนทั้งเรื่องทุจริต หรือพฤติกรรมจริยธรรม  อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวขณะนี้ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์
         

" ไม่ใช่ว่าคณะกรรมาธิการฯ ตรวจสอบไม่ดี หรือปล่อยคนไม่ดีเข้ามา ผมยืนยันเราตรวจสอบกันอย่างเข้มข้น แต่ไม่มีเรื่องเรียนนายธีรวัฒน์ทั้งเรื่องทุจริตหรือพฤติกรรมจริยธรรม และถ้าย้อนไปดูกระบวนการสรรหาในชั้นที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตามข่าวกว่าจะได้นายธีรวัฒน์ ก็ต้องลงมติกันหลายรอบ  ถ้ามีปัญหาอย่างที่เป็นข่าว ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาก็คงไม่เลือกส่งมา  ในคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ ถ้ามี กต.ก็ต้องส่งมา แต่นี่ไม่มี  ข้อมูลการตรวจสอบประวัติจากหน่วยงานอื่นก็ไม่มี  เมื่อคณะกรรมาธิการฯ ได้ข้อมูลผลตรวจสอบประวัติครบถ้วนก็ทำงานรายงานเสนอที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณา  ซึ่งผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คน คือนายธีรวัฒน์ และศุภชัย สมเจริญ  ก็ได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบจากวุฒิสภาสูงร้อยคะแนนเสียงขึ้นทั้งสองคน  ขณะที่ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากสายคณะกรรมการสรรหา 3 คน คะแนนเสียงเห็นชอบจะอยู่ที่ 80 กว่าเอง"  นายชูชัย ยังกล่าวเปรียบเทียบ
         

อดีต ส.ว.เชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัวของนายธีรวัฒน์ กับคนที่ร้องเรียน ไม่น่าจะเป็นเกี่ยวกับขบวนการที่จ้องเซ็ตซีโร่กกต.ทั้ง 5 คน และถ้านายธีรวัฒน์ บริสุทธิ์ใจ รวมทั้งมองว่าตนเองถูกดิสเครดิตก็ต้องสู้ตามข้อเท็จจริงไป ไม่ควรลาออก เพราะถ้าลาออกคนก็อาจจะเชื่อว่าผิดจริง