ดิ้นป้องนาย!! "วัฒนา"ฉะแหลก"บิ๊กตู่" ชี้นำศาล-องค์กรอิสระ ชูวาทกรรมปราบโกงเล่นงานฝ่ายตรงข้าม

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้ ( 29 ก.ย.)  นายวัฒนา เมืองสุข  แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Watana Muangsook"  โดยขึ้นหัวเรื่องว่า  "ปราบโกงด้วยการโกง"  ส่วนเนื้อหาระบุว่า  "ผมค่อนข้างเป็นห่วงภาพพจน์ของประเทศโดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรม  เมื่อเห็นข่าวการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีที่ว่า  "ให้นายบุญทรงออกมาจากคุกก่อนจึงค่อยมาลากตนขึ้นศาล"  ซึ่งมีลักษณะเป็นการเยาะเย้ยถากถางและสามารถกำหนดผลของคดีอาญาที่นายบุญทรงเป็นจำเลยอยู่ในศาลได้ล่วงหน้า


ยิ่งเมื่ออ่านข่าวของสำนักข่าวอิสราที่อ้างรายงานการจัดอันดับองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นในเอเซียของ Political and Economic Risk Consultancy Ltd. (PERC)  ว่าองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นของไทยเป็นองค์กรที่ถูกใช้ในทางการเมืองมากที่สุด โดยพาดพิงถึง ป.ป.ช. ว่าทำหน้าที่ช่วยเหลือรัฐบาลทหารในการทำลายความน่าเชื่อถือของนักการเมืองและป้องกันไม่ให้คนเหล่านี้กลับเข้ามาในการเมืองอีก ทำให้นึกถึงภาพนายกยิ่งลักษณ์ที่ถูก ป.ป.ช. ดำเนินคดีถึง 15 คดี ซึ่งรวมคดีที่เกิดจากน้ำท่วมอันเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่น่าจะเป็นคดีได้  


ส่วนตัวผมก็ถูกนายกรัฐมนตรีข่มขู่เรื่องคดีที่ ป.ป.ช. และอดีตนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทยจำนวนมากถูก ป.ป.ช. ดำเนินคดีเป็นว่าเล่น แม้กระทั่งการเสนอกฎหมายอันเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญยังถูกดำเนินคดีเพื่อนำไปให้ สนช. ที่ คสช. แต่งตั้งทำการถอดถอนห้ามเล่นการเมืองต่อไป เหล่านี้คือหลักฐานที่ตอกย้ำว่ากระบวนการยุติธรรมไทยขาดความเป็นอิสระและกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง


นายกรัฐมนตรียังให้สัมภาษณ์ข่มขู่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลและบุคคลใกล้ตัวนายกรัฐมนตรีอันถือเป็นการปิดกั้นการตรวจสอบ การที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้า คสช. มีอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่จะสั่งการใดๆ ก็ได้ให้มีผลในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ และถือว่าคำสั่งนั้นชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญและเป็นที่สุด เท่ากับนายกรัฐมนตรีมีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือศาลและทุกองค์กรที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ยิ่งในเวลานี้อยู่ในระหว่างการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่อาจกำหนดให้กรรมการในองค์กรอิสระทำหน้าที่ต่อไปหรือสิ้นสุดลงตามที่เรียกว่าการเซ็ทซีโร่ นายกรัฐมนตรีจึงสามารถให้คุณและโทษทั้งตัวบุคคลและองค์กรได้


จึงไม่น่าแปลกใจที่องค์กรอิสระทั้งหลายรวมทั้ง ป.ป.ช. ต่างแข่งกันทำผลงานให้เข้าตานายกรัฐมนตรีเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง  แต่เคราะห์กรรมตกแก่ประชาชน พฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีจึงเป็นการยืนยันถึงการมีอำนาจเหนือกระบวนการยุติธรรม  และกำลังใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ทำให้ประชาชนทั่วไปและประชาคมโลกไม่มั่นใจในความเป็นอิสระและเป็นกลางของกระบวนการยุติธรรม ขัดกับข้อ 10 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน  ที่กำหนดให้ประชาชนมีสิทธิได้รับการพิจารณาคดีที่มีโทษทางอาญาจากศาลที่มีความเป็นอิสระและเป็นกลาง  


ดังนั้น การปราบโกงจึงเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองที่มีขึ้นเพื่อใช้ปราบฝ่ายตรงข้าม  โดยใช้องค์กรอิสระและศาลเป็นเครื่องมือ  แต่ปิดกั้นการตรวจสอบตัวเองและพรรคพวก ตกลงเราจะอยู่กันแบบนี้ใช่มั้ยครับ"