- 03 ต.ค. 2559
ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th
วันนี้ ( 3 ต.ค.) นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวชาวนาโดยบอกว่าขณะนี้มีหนี้มา 2 ฤดูกาลผลิตแล้ว อีกเพียง 1 เดือน จะถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวนาปี เป็นปีที่ 3 ที่ไม่มีโครงการรับจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทย หรือโครงการอุดหนุนเกษตรกรของพรรคการเมืองอื่นที่เคยจัดทำรองรับ แน่นอนว่าชาวนาจะมีหนี้สินเพิ่มพูนเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ทำให้คิดถึงคนที่คิดช่วยชาวนา คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่กลับถูกดำเนินคดีอาญาและยึดทรัพย์ ฐานทำโครงการรับจำนำข้าว ช่วยชาวนาแล้วขาดทุน
นายชวลิต กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา มีข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ฟ้องว่า เมื่อเกษตรกรซึ่งเป็นชาวชนบทและเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่มีกำลังซื้อ ชาวเมืองหรือธุรกิจในเมืองก็จะซบเซาทรุดไปตามๆ กัน ต่างกับครั้งเมื่อมีโครงการรับจำนำข้าว มีเงินหมุนเวียนหลายรอบในหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และส่งผลมายัง กทม.ทำให้ธุรกิจคึกคัก เพราะมีเงินหมุนเวียนมหาศาลจากฐานล่างสู่ยอดปิรามิด ดังนั้น จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ยืนยันเชิงประจักษ์ได้ว่า โครงการรับจำนำข้าว ไม่มีทางขาดทุนถ้านำหลักเศรษฐศาสตร์มาจับหรือปรับใช้ ซึ่งประเทศที่เจริญแล้วถือเป็นหน้าที่สำคัญที่จะจัดทำนโยบายอุดหนุนเกษตรกรผู้มีพระคุณต่อคนทั้งประเทศ บางประเทศแม้กระทั่งการซื้อสินค้าเกษตรไปทิ้งทะเลเพื่อพยุงราคา เขาก็ทำกัน มิได้คิดกำไรหรือขาดทุน เหมือนเช่นบ้านเราที่คิดแหวกแนวไปกว่าเขา
รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า ตนฝากข้อสังเกตไปยังผู้เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. ตนไม่ได้คิดปกป้องโครงการรับจำนำข้าวโดยไร้เหตุผล ถ้าตรวจสอบพบการทุจริตขั้นตอนใด ประเด็นใด ขอให้ดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด โดยขอให้ศาลเป็นผู้ชี้ว่า ใครทุจริต ไม่ใช่กล่าวหากันทางหน้าสื่อ 2.ขอให้ทุกฝ่ายตั้งสติ ทำใจเป็นกลาง มองข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ก็จะเห็นข้อมูลตรงกันว่าเกษตรกรเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เปรียบเสมือนเป็นฐานราก ถ้าฐานรากล้มหรือซวนเซ ยอดปิรามิดจะอยู่ได้หรือ ชาวนาเซ ยังมีข้าว มีปลากิน แต่ถ้ายอดปิรามิดหักลงมา จะล้มดังกว่าถึงขั้นปิดกิจการ ขายกิจการ หรือล้มละลาย ตนเห็นว่า ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ทางแก้ที่เห็น คือ ทำบ้านเมืองให้ปกติโดยเร็ว เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ ซึ่งตนฝันว่า ฟ้าจะเปิดไม่นาน ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และ 3.ฝากข้อคิดไปยังผู้ที่จะพาให้ผู้ใหญ่ไขว้เขวไปจากจุดยืนที่เคยประกาศไว้ ด้วยการให้คำเยินยอที่เกินความจริง เพราะถ้าระบบการเมืองการปกครองยังเป็นแบบนี้ แม้จะได้คนดี คนสุจริต คนขยัน ตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง อย่าว่าแต่ 8 ปีเลย จะผ่านไปแต่ละเดือนแต่ละปีแสนจะยาก เพราะชาวโลกเขาพูดจาไปตามธรรมเนียมการทูต แต่เขาไม่ค้าขาย ไม่ลงทุนอย่างมิตรภาพด้วยเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม เมื่อภารกิจด้านความมั่นคงสมบูรณ์แล้วก็ควรให้บ้านเมืองเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยปกติ ท้ายที่สุด ตนมั่นใจว่า ทุกฝ่ายจะตั้งสติได้ อย่าปล่อยภาระให้ลูกหลานแก้ไข เราต้องร่วมมือกันได้เพื่อให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว