ฟังชัดๆ เบื้องลึกเหตุใด"เปลว สีเงิน"ถึงกับอุทาน"ตุ่-จตุพร"โชคดีฉิบหายที่ได้เข้าคุก ก่อนซ้ำรอย"เสธแดง"???

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้ (12 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คอลัมน์ "คนปลายซอย" ซึ่งเขียนโดยคอลัมนิสต์อาวุโส "เปลว สีเงิน" ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ถึงกับต้องอุทานออกมาว่า "โชคดีฉิบหายเลย…ตู่นี่"! หลังจากที่ "ตู่" หรือนายจตุพร พรหมพันธุ์" ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ถูกถอนประกันในคดีก่อการร้ายเมื่อปี 2553 และ"เปลว สีเงิน" ยังช้ให้เห็นว่า "ตู่" ยังไม่ได้ติดคุกเพราะคดีนี้ศาลยังไม่ได้ตัดสิน แค่ไปอยู่ในที่สมควรอยู่ในฐานะ"จำเลย" ไม่ใช่"นักโทษ"

 
นอกจากนี้ ป๋าเปลว ได้อธิบาย "ประชาธิปไตยขาลง" โดยยกกรณีเหตุการณ์ "เสธ.แดง" ที่ถูกยิงเสียชีวิตมาเป็ยบทเรียน จนเป็นข้อสรุป มองเห็นความโชคร้ายเป็นโชคดีของ"ตู่" ว่า "กูขอเป็นคนโชคร้าย นอนเซฟเฮาส์ลาดยาว ……"   และก่อนจะจบข้อเขียนได้ยกเนื้อหาคำวินิจฉัยของศาล การถอนประกัน "ตู่ จตุพร พรหมพันธุ์" อย่างละเอียด 


สำนักข่าวทีนิวส์ จึงขอยกข้อเขียน "ทางลง ประชาธิปไตยโจร" จาก คอลัมน์ "คนปลายซอย" มาให้อ่านกันเต็มไม่มีการตัดตอนใดๆ


" อย่าเข้าใจผิดว่า “ตู่-จตุพร” ติดคุกนะ!
ยังไม่ได้ติดคุก…….
เมื่อวาน ตู่เป็นเพียง “กลับเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่เขาควรอยู่” ตามสถานภาพจำเลยเท่านั้น
บางคนสะใจ บางคนอาลัย แต่ผมอยากบอกว่า

“โชคดีฉิบหายเลย…ตู่นี่”!

ในสถานการณ์ที่ผันแปร ระบอบทักษิณใต้กลไกอเมริกัน “เปลี่ยนตัวเดิน” ในกระดานหมาก “ล้มบ้าน-กินเมือง”
เหมือนเสร็จนา……
หรือไม่เสร็จ แต่ถึงยุค “ควายไฮเทค” ถูกนำมาใช้แทนวัว-ควายตัวเดิมๆ

รู้จักเสธ.แดงและจำได้ติดตาใช่มั้ย?
นั่นแหละ…….
เพื่อไม่เป็นการเจริญรอยตาม ตอนนี้ ที่ไหนจะอุ่นใจและปลอดภัยสำหรับตู่เท่า “คุกของเรา” ไม่มีแล้ว!
ไพร่ร่วมแก๊ง “แดงทั้งแผ่นดิน” ที่ยังไม่ประสา อาจกัดเขี้ยวเคี้ยวกราม แค้นให้กับตู่แกนนำ
เมื่อเห็นตู่นั่งรถเก๋งมาศาล แต่กลับออกไปด้วยรถกรง!

แต่ถ้าใครตาทิพย์ มองลอดซี่เข้าไป………..
อาจเห็นตู่ถอนหายใจโล่งอก สองลูกตากลอกกลิ้งพองโตเท่าไข่ห่าน แยกยิ้มให้กับแผนอันแยบยลตัวเอง จนสองแก้มยุ้ย
“กูขอเป็นคนโชคร้าย นอนเซฟเฮาส์ลาดยาว ……
ส่วนพวกมึง ให้เป็นคนโชคดี เต้นเป็นกบในกระทะบนเตาไฟกันไป ตัวไหนไหวทันกระโดด ก็แล้วไป
ตัวไหนว่าสบาย กว่าจะรู้ก็สาย กลายเป็นกบต้ม นั่นก็ช่วยไม่ได้ ดวงใคร-ดวงมันโว้ย…สหายไพร่”!

ครับ…ตามวิสัยนักบริโภคข่าวสารสังคมไทย ไวต่อการ “ฟังไม่ได้ศัพท์” ก็จับไปเมนต์-ไปโม้บ้าง กล้อมแกล้มกลืนเลยบ้าง
ในกรณีตู่-จตุพร “คืนสู่เหย้า” บางคนอาจเลือนๆ ในความเป็นมา และบางคนสัมผัสรู้แค่ว่า “ตู่เข้าคุก”
แต่…เหตุใดจึงกลับเข้าคุก ตรงนี้อาจขลุกๆ ขลักๆ กันอยู่
ในยุค “แปลงข่าวสารด้วยไอที” ทำง่ายพอๆ กับขมิบก้น กรณีนี้ อาจมี “นักประดิษฐ์วิวาทกรรม” ตัดตรงนั้น ทอนตรงนี้ ไปพูดจา คลาดเคลื่อนจากที่ศาลมีคำสั่งเมื่อวาน (๑๑ ต.ค.๕๙)
ฉะนั้น เพื่อเนื้อความที่ถูกต้อง เอาประเด็นสำคัญจากคำสั่งศาลมาให้อ่านกันเลย

ขอย้ำ…นี่ยังไม่ใช่การตัดสินคดีจตุพรกับพวก

เพียงแต่ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ จำเลยที่ ๑ นายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยที่ ๒ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จำเลยที่ ๓ นพ.เหวง โตจิราการ จำเลยที่ ๔ และนายนิสิต สินธุไพร จำเลยที่ ๘ จากจำเลยทั้งหมด ๒๔ คน
ใน “คดีก่อการร้าย” เมื่อปี ๒๕๕๓ ซึ่งขณะนี้ คดียังอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ ที่ศาลอาญา
และจำเลยทั้ง ๕ นี้ ได้รับประกันตัวออกมา อย่างที่เรียกว่า “ปล่อยตัวชั่วคราว”!

แต่เมื่อ ๒ กันยา ๕๙ ………….
อัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว คนทั้ง ๕
เพราะ “ทำผิด” เงื่อนไขประกัน!

ตอน ๔ โมงเช้า เมื่อวาน (๑๑ ต.ค.) ศาลนัดทั้ง ๕ คน มารับฟังคำสั่ง และศาลอ่านคำสั่ง ความสรุปว่า
พนักงานอัยการยื่นคำร้องอ้าง นายจตุพร จำเลยที่ ๒ พูดในทางเสียดสี ประชด ประชัน ตำหนิการทำงานรัฐบาลและ คสช.บิดเบือนการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ และรองนายกฯ
กล่าวหาหน่วยงานรัฐกระทำมิชอบ คุกคาม กดดัน การทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ พูดโจมตีบุคคลต่างๆ ในลักษณะดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทผู้อื่น พูดยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม
เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมือง ผ่านรายการโทรทัศน์ PEACE TV เว็บไซต์ ยูทูบ และสื่อสาธารณะอื่น
ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล ที่กำหนดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวไว้

ขณะที่จำเลยที่ ๑-๔ และ ๘ ให้การยืนยันว่า ……….
ไม่ได้กระทำผิดเงื่อนไขศาล แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นสุจริต ตามสิทธิขั้นพื้นฐาน
และเป็นการตรวจสอบ ป้องกันการทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐและรัฐบาล ซึ่งหากมีการพาดพิงหรือดูหมิ่นบุคคลใด ก็สามารถใช้สิทธิทางกฎหมายได้อยู่แล้ว

ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า……..
จำเลยได้แถลงยอมรับข้อเท็จจริง ว่าได้ไปออกรายการต่างๆ และมีการให้สัมภาษณ์จริง แต่ไม่ได้กระทำผิดเงื่อนไขศาล
และอัยการยังมีหนังสือพิมพ์ สื่อสาธารณะอื่น รวมถึงบันทึกถ้อยคำจากแผ่นวีซีดีที่เป็นพยานหลักฐาน พอวินิจฉัยได้
เมื่อจำเลยรับข้อเท็จจริงแล้ว ประกอบกับอัยการมีพยานหลักฐานพอวินิจฉัยได้
ศาลจึงงดไต่สวนพยานจำเลย ยกคำร้องทนายความจำเลย ที่แถลงต่อศาลคัดค้านการอ่านคำสั่งวันนี้

โดยศาลพิเคราะห์แล้ว ………..
การอนุญาตปล่อยชั่วคราว เป็นหลักประกันอิสรภาพตามสิทธิมนุษยชน เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยถูกคุมขังนานเกินจำเป็น
โดยให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลย ยังไม่เป็นผู้กระทำผิดจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
จะปฏิบัติเสมือนผู้ที่กระทำความผิดไม่ได้
กรณีที่ศาลมีคำสั่งปล่อยชั่วคราวโดยกำหนดเงื่อนไข เพื่อป้องกันการหลบหนี การเกิดภัยอันตรายหรือความเสียหายและละเว้นกิจกรรมที่อาจทำผิดขึ้นอีกได้
ซึ่งศาลจะใช้ดุลพินิจพิจารณา “เป็นเรื่องๆ ไป”
ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขขึ้นมา เพื่อให้จำเลยต้องปฏิบัติเกินความจำเป็นแก่กรณี ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๐๘ และ ๑๐๘/๑
และการปล่อยชั่วคราว จะพิจารณา “เป็นรายๆ ไป”

ซึ่งคดีนี้ ศาลสั่งปล่อยชั่วคราวจำเลย โดยกำหนดเงื่อนไขไว้ เพื่อควบคุมหรือป้องกันไม่ให้มีการกระทำ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และสถานการณ์ขณะนั้น มีวิกฤตการณ์ขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งจำเลยเป็นแกนนำในการปราศรัยโจมตีรัฐบาลและนัดชุมนุม จนเป็นเหตุให้ถูกจับกุมและดำเนินคดี

แต่เมื่อวันที่ ๒๒ พ.ค.๕๗ คสช.เข้ายึดอำนาจ สถานการณ์ภายในจึงสงบเรียบร้อยลง และมีการตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จตามกำหนด
โดยกำหนดให้มีการลงประชามติวันที่ ๗ ส.ค.๕๙ ซึ่งจำเลยที่ ๑-๔ และ ๘ ได้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งย่อมทำได้
แต่ต้องอยู่ในขอบเขตและไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของศาล
อีกทั้งกรณีวิจารณ์การทำงาน คอร์รัปชัน ก็ย่อมมีสิทธิ์กระทำได้ แต่ต้องไม่กระทบสิทธิเกียรติยศบุคคลอื่น

เมื่อพิจารณาแผ่นวีซีดีของอัยการแล้ว เห็นว่า……
บทสนทนาบางตอนจำเลยที่ ๒ กล่าวพาดพิงบุคคลอื่นด้วยถ้อยคำค่อนข้างรุนแรง
หรืออาจกระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของประชาชนที่ได้รับทราบข้อความดังกล่าว ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลซึ่งถูกพาดพิงและกระทบสิทธิเกียรติยศ
แม้ผู้เสียหายจะใช้สิทธิตามกฎหมายได้ แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเลยไม่สมควรกระทำ โดยที่ศาลได้กำหนดเงื่อนไขไว้ก่อนแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น

การที่นายจตุพร จำเลยที่ ๒ ได้กล่าวโดยระบุชื่อและกล่าวในลักษณะส่อในทางดูหมิ่นกระทบสิทธิต่อชื่อเสียง เกียรติยศ
จึงถือเป็นการกระทำผิดเงื่อนไข
ส่วนนายวีระกานต์ นายณัฐวุฒิ นพ.เหวง และ นายนิสิต ศาลเห็นว่าเป็นการติชมโดยสุจริต เป็นธรรม ตามวิสัยของประชาชนทั่วไป
ยังไม่ถึงกับดูหมิ่นหรือกระทบสิทธิ เกียรติยศหรือชื่อเสียง และความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น อันเป็นการยั่วยุหรือกระทำผิดเงื่อนไขประกันอื่น ตามที่ศาลได้กำหนดไว้

ศาลจึงมีคำสั่ง………

ให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราว นายจตุพร จำเลยที่ ๒
และให้ยกคำร้อง ที่ขอให้เพิกถอนประกัน นายวีระกานต์ นายณัฐวุฒิ นพ.เหวง และนายนิสิต จำเลยที่ ๑-๔ และ ๘
ครับ “ประเด็นหลัก” ก็เป็นอย่างนี้

ตู่-จตุพร แค่ทำผิดเงื่อนไขประกัน จึงถูกถอนประกัน เอาตัวกลับไปควบคุมไว้ระหว่างคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นสืบพยานโจทก์
เข้าใจนะครับ ตู่ไม่ใช่นักโทษ เป็นแค่จำเลย
ฉะนั้น ไม่ใช่ “ตู่ติดคุก”

เหมือนน้ำรอบๆ กรุงและในกรุงบางพื้นที่ตอนฝนตก ไม่ใช่น้ำท่วมขัง เป็นแค่ “น้ำรอระบาย”!
ส่วนอีก ๔ คน ศาลบอก สิ่งที่ทำ ยังไม่เข้าข่ายผิดเงื่อนไขที่ได้ประกันตัวออกมาแต่แรก พูดง่ายๆ ว่า ยังไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขประกัน
เมื่อไม่ได้ทำผิด ศาลสั่งยกคำร้องอัยการที่ให้ถอนประกัน หมายถึง ทั้ง ๔ คน ยังได้รับประกันตัวระหว่างคดีตามเดิม
ก็ไม่ต้องกลับเข้าไปนอนคุก!

ครับ….เรื่องนี้คงถึงนายใหญ่แล้ว ส่วนนายใหญ่จะบัญชายังไงกับไพร่ราบพลเลว ผมไม่แน่ใจ
“ไม่แน่ใจ” ในที่นี้ หมายถึง เขาจะบอก-ไม่บอก ไม่รู้
รู้แต่ว่า ระหว่าง สาวๆ “ที่ลูกสาวจัดให้” ๑๘ คน กับ “วัว-ควาย” ที่เลิกใช้ไถนา
อะไร “น่าสนตะพาย” มากกว่ากันล่ะ? "