โคตรเห็นแก่ตัว-โดนไล่ทั้งปท.ยังไม่เข็ด!! "ชินวัฒน์-แกนนำแดงสายแท็กซี่" ชี้ปรองดองต้อง "นิรโทษแบบสุดซอย-นายใหญ่ทักษิณ-แก๊งม.112 ต้องได้ด้วย"

ติดตามข่าวสารที่ www.Tnew.co.th

 

"นายหญิงปู" โดนลุกฮือขับไล่ทั้งยังไม่เข็ด!! "ชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำแดงอดีตหน.แท็กซี่" ชี้ปรองดองต้อง กล่าวบนเวทีเสวนา “ก้าวผ่านวันวาน สมานรัก วาเลนไทน์” ของสถาบันพระปกเกล้า แบบสุดเห็นแก่ตัว ระบุหากจะปรองดอง ตนเห็นว่าต้อง "นิรโทษแบบสุดซอย-นายใหญ่ทักษิณต้องได้ด้วย" รวมถึงคดี 112 ด้วย โดยเขาอ้างเพราะมีแรงจูงใจจากการเมือง


วันนี้ (14 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) สถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (4 ส.) จัดเสวนาหัวข้อ “ก้าวผ่านวันวาน สมานรัก วาเลนไทน์” โดยมีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเป็นวิทยากร


โดยนายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ตนมองว่าการสร้างความปรองดองถือว่านับหนึ่งถูกแล้ว แต่จะนับสองถูกหรือไม่ยังไม่รู้ โดยเราต้องเริ่มคิดใหม่และถามใจเราว่าจะเสียสละอะไรได้บ้าง ทั้งนี้การปรองดองต้องเลือกที่จะลืมบางเรื่องและจำบางเรื่อง แต่ที่ผ่านมาที่การปรองดองไม่ได้ผลเพราะเราเลือกที่จะจำแต่ไม่ลืม แต่พอเราบอกว่าจะให้เลือกที่จะลืมก็จะมีปัญหาเพราะจะนำไปสู่การนิรโทษกรรม คือการบังคับให้ลืม ทั้งนี้เรื่องนิรโทษกรรมนั้นต้องคุยแน่นอน โดยเฉพาะคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ซึ่งอยากถามว่าหากให้นิรโทษกรรมคดีกบฏ หรือคดียึดสนามบินจะยอมได้หรือไม่ แต่ตนมองว่าหากนิรโทษกรรมต้องรวมคดีเหล่านี้ด้วยเพราะมาจากแรงจูงใจทางการเมือง แต่การนิรโทษกรรมสุดซอยนั้นก็จะเป็นปัญหา

 

"จะต้องยุติความจริงบางเรื่องเพราะถ้าไม่ยุติก็จะสามารถจุดประกายความขัดแย้งขึ้นอีก คือ 1.ประชาธิปไตย เพราะเป็นที่มาของคำว่าไพร่กับอำมาตย์ ดังนั้น ต้องให้คนเข้าใจประชาธิปไตยที่ใกล้เคียงกัน 2.ความยุติธรรม 3.เสียงข้างมาก อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าการสร้างความปรองดองที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเรามีวัฒนธรรมความเกรงใจกัน ไม่กล้าพูดความเป็นจริง จนเป็นการซุกขยะไว้ใต้พรม" อดีต ส.ส.ปชป. กล่าว 

(คลิกอ่าน: “บิ๊กป้อม”โชว์มินิฮาร์ทสุดฮิต เชื่อมั่นกระบวนการปรองดองสำเร็จ)

อย่างไรก็ดี ไฮไลท์กลับอยู่ที่ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด -แกนนำแดงสายแท็กซี่ และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เพราะเขากล่าวแบบไม่สนใจบทเรียนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์พังไม่เป็นท่าว่า การที่จะปรองดองได้ไม่ใช่แค่การจัดเวทีหารือแล้วเลิกกัน แต่ต้องเกิดจากใจ ทุกคนต้องตั้งใจว่าจะทำเรื่องการปรองดอง และต้องทำใจลืมเรื่องที่ควรลืม และจำเรื่องที่ควรจำ หากจะปรองดองโดยไม่ค้นหาเหตุก็จะกลายเป็นปัญหา โดยเฉพาะเรื่องความไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม มองว่าหากมีแค่ ป.ย.ป.ทำเรื่องปรองดองอย่างเดียวนั้นไม่สำเร็จ แต่ต้องมีภาคประชาชนร่วมเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ ทั้งนี้เรื่องนิรโทษกรรมนั้นตนมองว่าต้องนิรโทษกรรมแบบสุดซอยเลย เหมือนกรณีคำสั่ง 66/23 โดยเฉพาะการนิรโทษกรรมในส่วนของคดีที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง รวมถึงคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากนั้นยังรวมถึงคดี 112 ที่มีแรงจูงใจจากการเมือง เพราะจริงๆแล้วคนไทยทุกคนจงรักภักดี แต่คนที่ทำให้สถาบันมัวหมองคือคนที่ต้องการผลประโยชน์ทางการเมือง (คลิกอ่าน: ไม่จำบทเรียน!!! “ชินวัฒน์”เชียร์ปรองดองนิรโทษฯสุดซอยพ่วง“ทักษิณ”)
                

อารมณ์ เคนหล้า สำนักข่าว Tnews