เมื่อผลโพลออกมาว่า คนไทยส่วนใหญ่ ให้ใจ "พล.อ.ประยุทธ์"...มันคือการส่งสัญญาณจับตาการเลือกตั้ง   (รายละเอียด)

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : http://www.tnews.co.th/

ถึงแม้ว่าเทศกาลวันวาเลนไทน์  วันแห่งความรัก ในอดีตจะเป็นเทศกาลที่คนฟากฝั่งตะวันตก แต่ปัจจุบันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศไทยของเราก็รับเอาอิทธิพลนี้มีผลอยู่พอสมควรโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ถึงขนาดมี ซุปเปอร์โพล ได้ไปสำรวจความคิดเห็นของประชาชนกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศว่า ในวันวาเลนไทน์ ถ้าจะมอบดอกไม้ให้ อยากจะมอบให้กับใครมากที่สุด

 

ทางชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง "วาเลนไทน์ การเมือง ประชาชนอยากมอบ ดอกไม้ให้ใคร" จากกรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวน 1,158 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 6-12 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่า

ส่วนใหญ่ร้อยละ 58.6 อยากมอบ ดอกไม้แห่งความรักให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

รองลงมา ร้อยละ 12.0 นายทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี,

ร้อยละ 7.1 น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ร้อยละ 6.9 นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ

และนายชวน หลีกภัย 2 อดีตนายกฯจากพรรคประชาธิปัตย์

 

เมื่อผลโพลออกมาว่า คนไทยส่วนใหญ่ ให้ใจ "พล.อ.ประยุทธ์"...มันคือการส่งสัญญาณจับตาการเลือกตั้ง   (รายละเอียด)

(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>> ขวัญใจไทยแลนด์!!! วาเลนไทน์นี้ปชช. อยากมอบดอกไม้ให้ "พล.อ.ประยุทธ์"มากที่สุด (รายละเอียด) )

นอกจากนี้ ประชาชนยังเทใจเห็นด้วย ร้อยละ 67.0 ที่รัฐบาล และ คสช. จะจัดพื้นที่สร้างความปรองดองของคนในชาติในวันวาเลนไทน์ มีเพียงร้อยละ 33.0 ไม่เห็นด้วย

ขณะเดียวกัน ประชาชน ร้อยละ 77.1 สนับสนุนให้สร้างความปรองดองให้สำเร็จก่อนเลือกตั้ง แต่ ร้อยละ 22.9 ระบุควรเลือกตั้งก่อนทำปรองดอง

โดยร้อยละ 82.7 เห็นด้วยกับ การรับฟังความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับ ความปรองดองในระดับพื้นที่แต่ละจังหวัดโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้นำในแต่ละพื้นที่

 

นอกจากนี้ ประชาชน ร้อยละ 48.1 ยังระบุ พลังความรัก ความสามัคคี ของคนส่วนใหญ่ในชาติ คือสิ่งที่จะทำให้การปรองดองประสบความสำเร็จ

รองลงมาร้อยละ 22.8 ระบุ การลดความเหลื่อมล้ำ ความอยู่ดีกินดี

ร้อยละ 17.1 การไม่เลือกปฏิบัติ ความยุติธรรม ความเป็นธรรมทางสังคม

และร้อยละ 2.3 นักการเมือง

 

ก็เป็นที่น่าแปลกใจว่า ประชาชนส่วนใหญ่เกินครึ่ง ยังนิยมและชื่นชอบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ซึ่งท่านก็ไม่ใช่นักการเมือง และยังเป็นผู้นำการรัฐประหาร และอยู่ในตำแหน่งมานานกว่า 2 ปี 9 เดือน 

ทักษิณ ชินวัตร พรรคไทยรักไทย เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ตั้งแต่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 254419 กันยายน พ.ศ. 2549 รวมระยะเวลา 5 ปี 7 เดือน

 

เมื่อผลโพลออกมาว่า คนไทยส่วนใหญ่ ให้ใจ "พล.อ.ประยุทธ์"...มันคือการส่งสัญญาณจับตาการเลือกตั้ง   (รายละเอียด)

 

 

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ 5 สิงหาคม พ.ศ. 25547 พฤษภาคม พ.ศ. 2557  ระยะเวลา 2 ปี 7 เดือน

 

เมื่อผลโพลออกมาว่า คนไทยส่วนใหญ่ ให้ใจ "พล.อ.ประยุทธ์"...มันคือการส่งสัญญาณจับตาการเลือกตั้ง   (รายละเอียด)

 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ 17 ธันวาคม พ.ศ. 25515 สิงหาคม พ.ศ. 2554  ระยะเวลา 2 ปี 7 เดือน

 

เมื่อผลโพลออกมาว่า คนไทยส่วนใหญ่ ให้ใจ "พล.อ.ประยุทธ์"...มันคือการส่งสัญญาณจับตาการเลือกตั้ง   (รายละเอียด)

นายชวน หลีกภัย พรรคประชาธิปัตย์ นายกรัฐมนตรี 2 สมัย คือ 23 กันยายน พ.ศ. 253512 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 และ  9 พฤศจิกายน พ.ศ. 25409 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 รวมเวลาบริหารประเทศกว่า 4 ปีเศษ

 

 

ซึ่งผ่านมาแต่ละรัฐบาลก็เร่งดำเนินการตามนโยบาย ที่ตัวเองได้หาเสียงไว้ ตอบแทนคะแนนเสียงกันอย่างเต็มที่  แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ ที่ประชาชนทั่วไปกับไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เค้าได้รับประโยชน์จากการบริหารประเทศของรัฐบาลที่ผ่านๆมา แม้ว่าแต่ละช่วงที่มีการบริหารประเทศก็จะมีปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกัน 

ผลสำรวจนี้ เกิดจากความรู้สึกที่ประชาชนทั่วไปมีและรู้สึกได้  แต่เมื่อดูผลสำรวจความนิยมระหว่างนักการเมืองแล้ว กลับพบว่า นายทักษิณ ชินวัตร กับมีคะแนนนิยมมากกว่า นายอภิสิทธิ์ ถึงเท่าตัว  ซึ่งก็น่าพิจารณาพอสมควร

ซึ่งเมื่อหาพิจารณาตามโรดแมป เดิมที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ ก็คาดว่าประมาณ กลางปี 2561 น่าจะมีการเลือกตั้ง ก็ต้องจับตากันต่อไปว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งใครลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะ ไม่ว่าจะเป็น นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ไม่สามารถลงชิงชัยได้ เพราะขาดคุณสมบัติแล้ว

ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ก็ต้องจับตาดูการต่อสู้ว่า จะสามารถเอาชนะคู่แข่งได้หรือไม่ เมื่อการวัดตัวคู่แข่งในพื้นที่สนามเลือกตั้งที่เป็นคนเดิมๆ ทั้งเพื่อไทย และประชาธิปัตย์

ซึ่งปัจจุบันก็ยอมรับท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ หลังเปิด 10 ฐานรากของประเทศ พิมพ์เขียวของประเทศไทย เมื่อปี 2555 แล้วก็เงียบหายไป  ในวันที่รัฐบาลต้องการเดินหน้าโดยวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อวางระบบโครงสร้างประเทศไทย

ทางพรรคประชาธิปัตย์ หรือเพื่อไทย ก็ไม่ได้มีอะไรที่จะมาขับเคลื่อนหรือการเดินไปข้าง วางข้อเสนอยุทธศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาแนวคิด เพื่อเห็นแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์

แต่สิ่งสำคัญทั้งหมดที่เราหยิบผลสำรวจของมาสเตอร์โพล ก็คือว่า คนไทยต้องการเห็นแนวทางการปรองดองก่อนการเลือกตั้งกว่าร้อยละ 77

โดยผลการพูดคุยเมื่อวันที่ 14 ก.พ. พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม เปิดเผยว่า การพูดคุยกับกลุ่มพรรคการเมืองในวันนี้เสร็จสิ้นเมื่อเวลา 13.00 น. ซึ่งการพูดคุยเน้นใน 10 ประเด็นหลักเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันซึ่งประเด็นทั้งหมดเป็นประเด็นที่มีปัญหา และต่อจากนี้จะมีการแถลงข่าวสรุปภาพรวมทุกวันพุธและวันศุกร์ของสัปดาห์ ภายหลังจากที่คณะอนุกรรมการได้มีการพูดคุยเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากคณะอนุกรรมการอยากให้มีการทำงานก่อน นอกจากนี้เราได้เชิญทุกพรรคการเมืองทุกกลุ่มทุกฝ่ายเพื่อมาให้ข้อมูล ทำให้เกิดประโยชน์กับคนไทยทุกคนโดยเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายได้พูดคุย 

พล.ต.คงชีพ กล่าวอีกว่า"ยืนยันว่าไม่มีการมุบมิบและคณะกรรมการไม่อยากให้มีอคติเพื่อทำให้เกิดเงื่อนไขต่างๆขึ้น เราทำด้วยความจริงใจ การพูดคุยมีหลักฐานทั้งหมด การดำเนินการเป็นกระบวนการปรองดองที่โปร่งใสและมีความจริงใจ ส่วนที่ไม่ให้ 3 พรรคการเมืองให้สัมภาษณ์ในพื้นที่กระทรวงกลาโหมนั้น ยืนยันไม่ได้ห้าม เพียงแต่จอให้ทุกอย่างสมบูรณ์ก่อน"   

ซึ่งต่อมาในวันที่ 17 ก.พ. ก็จะเป็นคิวของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคอื่นๆเรียงตามตัวอักษร ก็คงต้องพิจารณากันต่อไป

เพราะมวลชนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่งก็เป็นมวลชนที่ออกมาเคลื่อนไหวบนท้องถนนกับ กปปส. ซึ่งก็รักใคร่และชื่นชอบ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน

และสุดท้าย ผลโพลความนิยมของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งก็มีกลุ่มคนที่หนุนอยู่กว่า 12 % ทางพรรคเพื่อไทยและมวลชนคนเสื้อแดงก็ยังนิยมชื่นชมอยู่ และคงจะไม่ยอมเลือกการเคลื่อนไหว หรือคัดค้านพล.อ.ประยุทธ์ อย่างต่อเนื่อง

แต่สิ่งที่ประชาชนเห็นด้วยกับแนวทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือการจะปรองดอง ก็ต้องทำกับประชาชนฐานล่างเป็นหลัก ส่วนกลุ่มที่มีคดีความก็ดำเนินการไปตามกฎหมาย

 

เรียบเรียงโดย : วัสดา สำนักข่าวทีนิวส์