พระเอกตัวจริง!!ทำงานเพื่อแผ่นดิน "สตง."ไล่บี้ "กรมสรรพากร"ท่วงเงินชาติ "ภาษีหุ้นชินคอร์ป"ตระกูลชินวัตร!!??

พระเอกตัวจริง!!ทำงานเพื่อแผ่นดิน "สตง."ไล่บี้ "กรมสรรพากร"ท่วงเงินชาติ "ภาษีหุ้นชินคอร์ป"ตระกูลชินวัตร!!??

กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้งสำหรับมหากาพย์ภาษีหุ้นชินคอร์ป กรณีเรียกเก็บภาษีในการขายหุ้นของชินคอร์ป ของ นายทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวชินวัตร ล่าสุดทางพล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล  เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า การหารือครั้งนี้มีหลายหน่วยงานที่ถูกเชิญมาพูดคุยเรื่องภาษีหุ้นชินคอร์ป ขณะนี้ได้ข้อยุติแล้ว ขอให้รอผู้ใหญ่ในรัฐบาลตัดสินใจ ตนไม่สามารถให้รายละเอียดได้ แต่ในที่ประชุมได้ข้อสรุปที่รัฐบาลแฮปปี้

และสำหรับเรื่องนี้ได้สร้างพระเอกกับผู้ร้ายที่ปรากฎตัวขึ้นอย่างชัดเจน แน่นอนสำหรับพระเอกจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยการนำทีมนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และเจ้าหน้าที่ทุกตำแหน่ง ได้สร้างคุณค่าให้กับประเทศเราเป็นอย่างยิ่ง

โดยทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือแจ้งเตือนกรมสรรพากรให้เรียกเก็บภาษีเงินได้จากการขายหุ้นชินคอร์ปฯให้เรียบร้อยก่อนคดีจะขาดอายุความในวันที่ 31 มี.ค.2560 และสตง.ยืนยันว่ากรณีนี้สามารถดำเนินการได้ตามมาตรา 61 ของประมวลรัษฎากร อายุความ 10 ปี ตั้งแต่มีภาระภาษีเกิดขึ้น โดยสามารถเรียกเก็บได้จากนายทักษิน ชินวัตร โดยไม่ต้องมีการออกหมายเรียกซ้ำอีก เนื่องจากเคยมีหมายเรียกไปที่ นายพานทองแท้ ชินวัตรหรือ โอ๊ค และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร หรือ เอม บุตรชายและบุตรสาวนายทักษิณ แล้ว

และสำหรับผู้ร้ายเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจาก กรมสรรพากร ที่ปล่อยประละเลยไม่ยอมดำเนินการใดๆทั้งสิ้น  เพราะฉะนั้นแล้วจึงอยากจะขอเรียกร้องไปถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการตามกฎหมายในการหาข้อเท็จจริงกับบุคคลทั้งห้าคน อันประกอบไปด้วย นายศานิต ร่างน้อย ซึ่งเป็นอธิบดีกรมสรรพากรระหว่างช่วง 2550 – 2551 นายวินัย วิทวัสการเวช ซึ่งเป็นอธิบดีกรมสรรพากรระหว่างช่วง 2551 – 2553 นายสาธิต รังคสิริ เป็นอธิบดีกรมสรรพากรตั้งแต่ปี 2553 – 2556 และนายสุทธิชัย สังขมณี ระหว่าง พ.ศ. 2556 – 2557 และสุดท้ายนายประสงค์ พูนธเนศ ซึ่งเป็นอธิบดีกรมสรรพากรนับตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามบุคคลทั้งห้าคนจะต้องถูกสอบสวนและใช้กระบวนการทางกฎหมายที่มีดำเนินการอย่างจริงจังว่ามันเกิดอะไรขึ้น 

และก็ไม่ใช่เฉพาะกรณีภาษีชินคอร์ปเพียงเท่านั้น ทุกเรื่องที่เป็นประเด็นการทุจริตคอรัปชั่นหรือการมีปัญหาและเกี่ยวเนื่องกับการเมือง สตง.ได้ออกมายืนหยัด ทำงานให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติอย่างมาก เช่น กรณีที่ผ่านมาสดๆร้อน ข่าวฉาวการบินไทย กับการทุจริตสินบนโรลส์รอยซ์

เกี่ยวกับการตรวจสอบเรื่องสินบนโรลส์รอยซ์ว่า เบื้องต้น จากการพยายามประสานงานไปยัง SFO ของอังกฤษ เพื่อขอข้อมูลนั้น ถูกปฏิเสธ จาก SFO ที่จะส่งข้อมูลรายละเอียดคนรับสินบนมาให้ เนื่องจากมองว่า สตง. ไม่ใช่หน่วยงานหลักในการตรวจสอบ สืบสวนสอบสวนการทุจริตหลักของไทย โดยจะส่งข้อมูลให้กับ หน่วยงานหลัก คือ คณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) แทน ทำให้ สตง. ต้องยุติในการตรวจสอบหาตัวผู้รับสินบนไป แต่ก็ได้นำข้อมูลที่มีการรวบรวมไว้ ส่งให้กับ ป.ป.ช. แล้ว มั่นใจว่าจะมีประโยชน์ในการตรวจสอบอย่างแน่นอน 

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการฯ สตง. ระบุว่า แม้ สตง. จะไม่ตรวจสอบหาคนรับสินบนแล้ว แต่ก็ยังจะขยายผลในเรื่องดังกล่าว ด้วยการสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ที่อาจจะเข้าข่ายการกระทำผิด ละเว้น หรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่แทน และมั่นใจว่าจะสามารถหาหลักฐานเพื่อเอาผิดได้เช่นกัน   

ทั้งนี้ในฐานะประชาชนคนไทยก็ต้องขอปรบมือและให้กำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่สตง.ทุกๆท่าน

 

 

เรียบเรียง  วิลาสินี แววคุ้ม