กรรมจัดสรร?? สนช.แถลงเปิดสำนวนถอดถอน "อ้ายปึ้ง" คืนพาสปอร์ตให้"นายใหญ่" มีสิทธิ์เว้นวรรค5ปี.. ลุ้น!!ให้ทันก่อนใช้รธน.ใหม่

หลังจากที่โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ เผย ที่ประชุม สนช. เตรียมพิจารณาคำขอเพิ่มพยานหลักฐานปมถอดถอน อดีต รมว.ต่างประเทศ ออกพาสปอร์ต ให้“นายทักษิณ ชินวัตร” จับตา!!...วันนี้สนช.เตรียมรับฟังการแถลงเปิดสำนวนคดีถอดถอน ก่อน ปิดสำนวน 29 มี.ค. ลงมติ 30 มี.ค.นี้

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. วันนี้(16 มี.ค.) ซึ่งจะเริ่มเวลา 10.00 น. โดยมีวาระพิจารณาเพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง กรณีออกหนังสือเดินทางธรรมดาให้ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร (ยศในขณะนั้น) โดยมิชอบ โดยเป็นขั้นตอนการแถลงเปิดสำนวนคดีตามรายงานและความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และการแถลงคัดค้านโต้แย้งคำแถลงเปิดสำนวนของผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งพิจารณาประเด็นที่จะซักถามเพิ่มเติมและตั้งคณะกรรมาธิการซักถาม

ก่อนหน้านี้นายสุรพงษ์ได้มีการยืนรายการขอเพิ่มเติมพยานหลักฐานของนายสุรพงษ์ จำนวน 5 รายการ คือ

1.หนังสือของ ป.ป.ช.ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2559 เรื่องขอทราบผลการตรวจสอบการจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทนให้นายภักดี โพธิศิริ อดีตกรรมการ ป.ป.ช.

2.หนังสือ สตง.ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2559 ซึ่งผู้ว่าสตง.ได้แจ้งประธานป.ป.ช.เกี่ยวกับการเรียกเงินเดือนและค่าตอบแทนจากนายภักดี แต่ป.ป.ช.ได้ปฏิเสธว่า นายภักดีไม่ได้ถูกถอดถอน

3. รายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงวันที่ 10 เมษายน 2555 เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายภักดีขณะที่ทำหน้าที่กรรมการป.ป.ช.และได้เข้าร่วมประชุมด้วย ส่วนรายการที่

4.และ 5.เป็นรายงานการประชุม ป.ป.ช.ที่มีคนนอกเข้าร่วมประชุม

แต่ทางที่ประชุมได้มีมติเสียงข้างมากไม่อนุญาตให้นายสุรพงษ์เพิ่มเติมพยานหลักฐานทั้ง 5 รายการ และมีมติไม่ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่สรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐานอันจำเป็นของคู่กรณี

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ยอมรับว่า ในระหว่างการ พิจารณาถอดถอน หากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่รัฐบาลได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้วนั้น มีผลบังคับใช้ จะทำให้ การพิจารณาถอดถอนต้องยุติลงทันที เพราะตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ได้กำหนดให้การพิจารณาถอดถอน เป็นอำนาจของ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่ง ป.ป.ช. จะต้องนำสำนวนขอถอดถอน ไปยื่นต่อ ศาลฎีกา แทน

 

โดยสรุปว่าก็ต้องจับตา รอดูว่า ผลกรรมของนายสรุพงษ์จะสามารถตามทันหรือไม่ เพราะถ้าหากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ได้มีประกาศใช้ก่อนวันลลงมติภอดถอน ก็ถือว่านายสรุพงษ์ยังพอมีโชคดีอยู่บ้าง แต่หากวันลงมติเดินทางมาถึงก่อน และสมมุติว่าสนช.ด้วยเสียงข้างมากลงมติให้ถอดนายสุรพงษ์จะต้องถูก "เว้นวรรคการเมือง 5 ปี" ถ้าเป็นแบบนี้ก็เรียกได้เลยว่า "กรรมจัดสรร"

 

 

เรียงเรียง วิลาสินี แววคุ้ม