นับถอยหลัง7วัน!! อวสานมหากาพย์หุ้นชินฯ..บทสรุปสุดท้ายทวงคืนภาษีของประชาชนหรือไทยจะถูกกระทำ..??

นับถอยหลัง7วัน!! อวสานมหากาพย์หุ้นชินฯ..บทสรุปสุดท้ายทวงคืนภาษีของประชาชนหรือไทยจะถูกกระทำ..??

ยาวนานเหลือเกิน สำหรับการณีเรียกจัดเก็บภาษี หุ้นชินคอร์ป ของนายทักษิณและตระกูลชินวัตร โดยเรื่องได้สปอตไลท์จากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ได้แจ้งกรมสรรพากรให้เรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณ จำนวนเงินสูงถึง16,000 ล้านบาท  ในฐานะที่นายทักษิณเป็นเจ้าของบริษัทชินคอร์ป จากนั้นก็เล่นแร่แปรธาตุไปยังบริษัทแอมเพิล ริช  ก่อนที่จะขายหุ้นให้กับบริษัทเทมาเส็กเป็นเงิน 73,000 ล้านบาทโดยไม่เสียภาษีสักบาทให้กับชาติบ้านเมือง ทั้งนี้เหตุเกิดก่อนปี 2549 และอายุความจะหมดลงในวันที่ 31 มีนาคม 2560  โดยตลอดระยะเวลา10ปี ที่ผ่านมา ไม่มีรัฐบาลชุดไหนที่มาจากระบอบประชาธิปไตยลงมือทำ เรื่องนี้ให้เกิดเป็นรูปประธรรม และณะที่เจ้าหน้าของรัฐก็เพิกเฉยปล่อยเกียร์ว่าง คล้ายกับว่า รอนายใหญ่กับมา เรืองอำนาจ??

ด้านนายพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย นายทักษิณได้แถลงกรณีรัฐบาลพยายามเรียกเก็บภาษีจาการขายหุ้นชินคอร์ป โดยกล่าวบางช่วงบางตอนว่า..

การขายหุ้นชินคอร์ปให้กลุ่มเทมาเส็กผ่านตลาดหลักทรัพย์จึงไม่มีภาระภาษี ทั้งนี้เป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่126 ข้อ 2 (23) ซึ่งกฎหมายนี้ใช้บังคับกับทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น ส่วนเงินได้จากการขายหุ้นชินคอร์ปและเงินปันผลจากหุ้นประมาณ 4 หมื่น 6 พัน ล้านบาท ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินไปแล้ว อีกทั้งการขายหุ้นชินคอร์ปเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2549 ประเด็นภาษีเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงน่าจะได้ข้อยุติไปนานแล้ว

ส่วนการที่รัฐบาลจะใช้อภินิหารทางกฎหมาย ในการเรียกเก็บภาษีนั้นเห็นว่า ผู้ถือกฎหมายควรจะต้องยึดตามหลักนิติธรรม ไม่ควรหาช่องทางที่ไม่ถูกต้องมาดำเนินการ ดังนั้นจึงอยากขอเรียกร้องให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร พิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบและบังคับใช้กฎหมายตามหลักนิติธรรม เท่าเทียม เสมอภาค และหากจะมีการออกใบประเมินภาษีจริง ก็จะตั้งทีมทนายความเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ต่อไป

ต่อมาด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้ภายหลังทันที่ว่า นายทักษิณ ขายหุ้นกลุ่มชินคอร์ปในตลาดหลักทรัพย์ จึงไม่จำเป็นต้องเสียภาษี และ ไม่สามารถเรียกเก็บได้ ว่า เป็นหน้าที่ของกรมสรรพากร ที่จะต้องหาข้อคำตอบโต้แย้ง ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลจะต้องพูดอะไร ทั้งนี้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย เมื่อถึงเวลายื่นประเมินหรือยื่นฟ้องข้อเท็จจริงคงปรากฏออกมาว่าคำบรรยายฟ้องเป็นอย่างไร

การสืบพยานเป็นอย่างไร ก็ขอให้ไปหักล้างกันในตอนนั้นจะดีกว่า การจะมาตอบโต้ผ่านสื่อมวลชน คงไม่ถูกต้อง และไม่ยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย รวมถึงทำให้ประชาชนสับสนด้วย

ส่วนประเด็นที่นายทักษิณ จะฟ้องกลับรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และจะต้องมีการเตรียมทีมทนายต่อสู้หรือไม่นั้น  นายวิษณุ กล่าวว่า หากมีการฟ้องจริงเราก็ต้องสู้ โดยใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นทนาย ไม่ต้องเตรียมการอะไร

 

ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป ว่าทางฝั่งรัฐบาลที่นำโดย "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" จะสามารถนำเงินภาษีหุ้นชินคอร์ปให้กลับมาอยู่ในมือของพี่น้องประชาชนคนไทยได้หรือไม่?? ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับดังๆไปแล้วว่า...ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สตง., ปปช., ปปง., ปปท. และ กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ต้องมีความโปร่งใส เป็นธรรม ไม่ขัดหลักนิติธรรม และไม่ให้ใช้มาตรา 44 ในการที่ขยายเวลา ขยายอายุความแต่ประการใด ยังคงเป็นกระบวนการยุติธรรมตามปกติในการประเมินภาษีจากเจ้าของหุ้นที่แท้จริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น สิ่งที่เกิดตามมา คือ กรมสรรพากร ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามกฎหมาย ก่อนสิ้นเดือนมีนาคมนี้..บทสรุปสุดท้ายทวงคืนภาษีของประชาชนหรือไทยจะถูกกระทำ??