เหลืออีก 5 วัน จับตา"สรรพากร"จะทำอย่างไร "ภาษีหุ้นชินคอร์ป"...ผู้มีหน้าที่ประเมินเพิกเฉย... ชะดีชะร้ายทุจริตถึงขั้นประหารชีวิต!

เหลืออีก 5 วัน จับตา"สรรพากร"จะทำอย่างไร "ภาษีหุ้นชินคอร์ป"ผู้มีหน้าที่ประเมินเพิกเฉย ชะดีชะร้ายทุจริตถึงขั้นประหารชีวิต!

 สำหรับการณีเรียกจัดเก็บภาษี หุ้นชินคอร์ป ของนายทักษิณและตระกูลชินวัตร โดยเรื่องได้สปอตไลท์จากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ได้แจ้งกรมสรรพากรให้เรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณ จำนวนเงินสูงถึง16,000 ล้านบาท  ในฐานะที่นายทักษิณเป็นเจ้าของบริษัทชินคอร์ป จากนั้นก็เล่นแร่แปรธาตุไปยังบริษัทแอมเพิล ริช  ก่อนที่จะขายหุ้นให้กับบริษัทเทมาเส็กเป็นเงิน 73,000 ล้านบาทโดยไม่เสียภาษีสักบาทให้กับชาติบ้านเมือง ทั้งนี้เหตุเกิดก่อนปี 2549 และอายุความจะหมดลงในวันที่ 31 มีนาคม 2560  โดยตลอดระยะเวลา10ปี ที่ผ่านมา ไม่มีรัฐบาลชุดไหนที่มาจากระบอบประชาธิปไตยลงมือทำ เรื่องนี้ให้เกิดเป็นรูปประธรรม และณะที่เจ้าหน้าของรัฐก็เพิกเฉยปล่อยเกียร์ว่าง คล้ายกับว่า รอนายใหญ่กับมา เรืองอำนาจ??

ก่อนหน้านี้นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวถึงกรณีการดำเนินการของสรรพาการว่า  หากภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้ กรมสรรพากรยังไม่สามารถประเมินการเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ จากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ และไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม จะถือว่ากรมสรรพากรละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ สตง. จะส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของกรมสรรพากรต่อไป

ด้านนายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกวุฒิสภาและอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณี การประเมินภาษีหุ้นชิน โดยบางช่วงบางตอน ระบุว่า..ปมปัญหาเกิดขึ้นตรงนี้คือ เมื่อเห็นชอบกับคำพิพากษาของศาลภาษีอากรที่ตัดสินอย่างเดียวกันกับศาลฎีกาว่านายทักษิณ ชินวัตร เป็นตัวการ ลูกทั้งสองเป็นตัวแทนแล้ว และเมื่อเรียกเก็บภาษีจากลูกทั้งสองซึ่งเป็นตัวแทนไม่ได้ ก็ต้องทำหน้าที่ประเมินเรียกเก็บภาษีจากตัวการคือนายทักษิณ ชินวัตร 

มีการละเว้นไม่ประเมินเรียกเก็บภาษีตามนัยยะคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและคำตัดสินของศาลภาษีอากร จนเวลาประเมินเรียกเก็บภาษีซึ่งมีอายุความสิบปีใกล้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มีนาคม 2560 ซึ่งใครจะต้องรับผิดจากการละเว้นบ้างก็เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช. จะต้องพิจารณาดำเนินการต่อไป 

นายไพศาลยังย้ำต่อว่า... เมื่อผู้มีหน้าที่ประเมินภาษีเพิกเฉย สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินซึ่งเป็นองค์กรอิสระและมีอำนาจหน้าที่ในเรื่องนี้จึงมีคำสั่งให้ทำการประเมินเรียกเก็บภาษีเสียภายในวันที่ 31 มีนาคม 2560 มิฉะนั้นจะเป็นอันขาดอายุความและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบทั้งส่วนแพ่งและส่วนอาญาต่อรัฐ 

เรื่องก็มีอยู่เท่านี้ แต่กลับมีข้อโต้เถียงและบิดเบือนเบี่ยงเบนกันมากมายจนเกิดความสับสนอลหม่านขึ้น กระทั่งอ้างว่ากำไรจากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี 

ซึ่งเป็นคนละเรื่อง! เพราะกรณีที่จะต้องประเมินภาษีเรื่องนี้เป็นภาษีที่จะต้องเรียกเก็บจากเงินได้พึงประเมินจากผลกำไรที่มีการซื้อขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ในระยะแรกซึ่งเป็นช่วงการกวาดกว้านซื้อหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์แล้วมีผลกำไรเกิดขึ้น 

จากนี้ไปก็เหลือเวลาอีก 5 วัน คงจะได้เห็นดำ เห็นแดง ชะดีชะร้ายก็จะได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ป.ป.ช. ฉบับใหม่ ที่ระวางโทษผู้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตถึงขั้นประหารชีวิตก็ได้!

ขณะที่ "ประชาชาติธุรกิจ" ได้นำเสนอข้อมูลโดยได้อ้างจากแหล่งข่าวกระทรวงการคลัง ว่า ขณะนี้ทางกรมสรรพากรได้ข้อสรุปการประเมินเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปจากนายทักษิณ ชินวัตร แล้ว โดยคิดเป็นจำนวนเงินภาษีพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มรวมทั้งสิ้นกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท และกำหนดจะนำใบแจ้งไปปิดหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งเป็นบ้านของนายทักษิณในวันที่ 28 มี.ค.นี้ และจากนั้นผู้เสียภาษีสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน

 

อย่างไรก็ตามก็ต้องจับตาดูอย่างไม่กระพิบถึงการทำงานของกรมสรรพากร นำทีมโดยนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีคนปัจจุบัน ว่าจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามกฎหมาย ก่อนสิ้นเดือนมีนาคมนี้..บทสรุปสุดท้ายทวงคืนภาษีของประชาชนหรือไทยจะถูกกระทำ??