โรดแมป"เลือกตั้ง"ไม่สำคัญเท่ากับ "พล.อ.ประยุทธ์" เป็นนายกรัฐมนตรี!!?? ชัดเจนคู่ขัดแย้งการเมือง"ระบอบทักษิณ"ปะทะคสช.

จากความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ที่ได้ออกมาโพสเฟสบุ๊ค จะยกเอาบางช่วงบางตอน โดยระบุว่า...

สิ่งที่เป็นอันตรายต่อระบอบการปกครองของไทย คือการปฏิวัติรัฐประหารมากกว่า และการรัฐประหารตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ ใช้ข้ออ้างที่แทบไม่เคยเปลี่ยน คือความไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ การทุจริตคอรัปชั่น แต่ทั้งนี้ ภายใต้การปกครองของทหาร ประชาชนไม่มีโอกาสตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงานของรัฐบาลเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการรัฐประหารครั้งใดที่ไม่ใช้หลักนิติธรรมในการแก้ปัญหา ก็จะยิ่งทำให้ความไม่เข้าใจและความเห็นต่างกลับบานปลาย กลายเป็นความขัดแย้งที่จะแก้ไขได้ยากขึ้นทุกที 

ผมต้องจากประเทศไทยที่ผมรักสุดชีวิตมาร่วมสิบเอ็ดปีแล้ว ต้องจากบ้านที่เคยอยู่ จากครอบครัวอันเป็นที่รักยิ่ง เนื่องจากการรัฐประหาร จากนั้นแล้ว ยังถูกใส่ร้ายป้ายสี รวมถึงถูกกลั่นแกล้งด้วยการตั้งคณะบุคคลซึ่งเป็นปฏิปักษ์ขึ้นมาตรวจสอบโดยไม่ใช้หลักนิติธรรม ซึ่งผมอยากให้พี่น้องได้รับทราบว่า ผมยินดีแบกรับความเจ็บปวดและความรู้สึกโดดเดี่ยวนี้ไว้ทั้งหมด ขอเพียงบ้านเมืองมีความปรองดอง สามารถเดินไปข้างหน้าได้ และพี่น้องหายทุกข์ยาก ผมก็พอใจและมีความสุขแล้ว

 

เท่ากับชัดเจนแล้ววันนี้ คู่ความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ใช่"สุเทพ เทือกสุบรรณ"หรือ พรรคประชาธิปัตย์ ที่นายทักษิณถือเป็นปัญหา แต่คือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และกองทัพ ดังนั้นบ้านเมืองที่คสช.และกองทัพเข้ามาดูแลอยู่ โดยปัญหาที่ผ่านเกิดขึ้นจากผู้คนในระบอบทักษิณ และนายทักษิณเองทั้งสิ้น ตั้งแต่ความพยายามที่จะเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นการปกครองระบบสหพันธรัฐ คดีทุจริตคอรับชั่นต่างๆ ดังนั้นสิ่งที่ทำมาทั้งจะทำให้บ้านเมืองเดินต่อและผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ ไม่ใช่การเลือกตั้ง

โดยการเลือกตั้งเป็นเพียงแค่รูปแบบหนึ่งให้ต่างชาติยอมรับและบ้านเดินดำเนินต่อไป ที่แน่นอนในสถานการณืแบบนี้ไม่สามารถที่จะพึ่งพาพรรคประชาธิปัตย์ได้ ยังคงต้องพึง"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา"อยู่

อย่างไรก็ตามต้องดูว่าหลังการเลือกตั้งแล้ว พรรคเพื่อไทยของทักษิณ ชินวัตร จะกลับมายิ่งใหญ่และสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ในขณะเดียวกัน คสช.จะดำเนินการอย่างไรต่อไปภายใต้วุฒิสมาชิกที่มีอยู่ 250 เสียง ในสภาและมีสิทธิ์ที่จะเลือกนายกรัฐมนตรีได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะตัดสินใจอย่างไร จะวางมือทางการเมือง ถอยฉากไปอย่างเงียบๆ ปล่อยให้การเมืองเป็นไปในระบบปกติเดิม ทั้งๆ ที่สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่ปกติอย่างนั้นหรือ? หรือจะยังเดินหน้ารับผิดชอบการเมืองต่อไป