สุมทุกเรื่องคล้ายจะเร่งให้แตกหัก! "เรืองไกร" โผล่จ่อฟ้องกราวรูด"ครม.บิ๊กตู่"เรียกเก็บภาษีหุ้นชิน1.7หมื่นล้าน อ้างขัดกม.-นายใหญ่ถูกกลั่นแกล้ง

ติดตามข่าวสารที่ www.Tnew.co.th


มาแล้ว..."หางเครื่องนายใหญ่" สุมทุกเรื่องคล้ายจะเร่งให้แตกหัก!!! "เรืองไกร" โผล่ฟ้อง "ป.ป.ช." รัฐบาลบิ๊กตู่กราวรูด ปมเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.7 หมื่นล้าน อ้างหนังสือกระทรวงการคลังตอบไปยัง ป.ป.ช.ว่าการซื้อขายหุ้นชินฯ ไม่เกิดขึ้น ดังนั้น นายทักษิณย่อมไม่มีเงินได้จากการซื้อขายนี้ แต่เรื่องนี้ "ทักษิณ" บอกกับตนว่า เรื่องนี้น่าจะมีเหตุมาจากความไม่พอใจนายใหญ่เป็นการส่วนตัว ตนจึงต้องร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้ทำการไต่สวนเอาผิดกับ ครม.โดยเร็ว

 

วันนี้ (20 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ หนึ่งในทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้เปิดเผยกรณี มติ ครม. วันที่ 14 มีนาคม ให้กรมสรรพากรทำการประเมินภาษีจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จำนวนกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท และมีการนำหนังสือประเมินฯ ไปปิดที่หน้าบ้าน "จันทร์ส่องหล้า" ซึ่งเป็นข่าวคึกโครมเมื่อเดือนก่อนนั้นว่า เรื่องนี้เป็นการใช้อำนาจโดยไม่มีหลักกฎหมาย และผิดไปจากข้อเท็จจริงที่ยุติไปแล้ว ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ อม. 1/2553 และคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางที่ 242-243/2553 ซึ่งจากผลของคำพิพากษาทั้งสอง กรมสรรพากรจึงมีการสั่งยุติเรื่องไปแล้ว ทั้งนี้ตามเอกสารราชการที่ถือเป็นหลักฐานเด็ด 2 ฉบับ คือ บันทึกข้อความของสำนักตรวจสอบภาษีกลาง ที่ กค 0710/ตส/1460 ลงวันที่ 2 มี.ค.55 ที่อธิบดีกรมสรรพากรมีคำสั่งให้ยุติเรื่อง และหนังสือกระทรวงการคลังที่ กค 0717/ล.1804 ลงวันที่ 15 พ.ย.55 ที่ตอบไปยัง ป.ป.ช.ว่าการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปดังกล่าวไม่เกิดขึ้น เมื่อธุรกรรมการซื้อขายหุ้นไม่เคยเกิดขึ้น ดังนั้น นายทักษิณย่อมไม่มีเงินได้จากการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปผ่านบริษัทแอมเพิลริชแต่อย่างใด และการขายหุ้นชินคอร์ปให้กลุ่มเทมาเส็กเมื่อวันที่ 23 มกราคม 49 ก็เป็นการขายในตลาดหลักทรัพย์ กำไรที่ได้จากการขายหุ้น จึงได้รับยกเว้นภาษีตามกฎกระทรวง

 

โดย นายเรืองไกร ยังระบุด้วยว่า ครม. และกรมสรรพากร รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องรู้ถึงผลของคำพากษาศาลฎีกาและศาลภาษีแล้ว รวมทั้งการสั่งยุติเรื่องตามข้อความในหนังสือทั้งสองฉบับด้วย ดังนั้นการหาเหตุมาประเมินภาษีครั้งนี้ จึงชัดเจนว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีอำนาจที่จะทำได้ ในฐานะหนึ่งในทีมงานนายกฯ ทักษิณ ท่านยังบอกกับตนที่ดูไบเมื่อช่วงสงกรานต์ว่า 


 

"เรื่องนี้น่าจะมีเหตุมาจากความไม่พอใจส่วนตัวของคนไม่กี่คนที่อาจอยู่เบื้องหลังกรณีนี้ คนที่รับไม้ต่อก็ทำไปโดยมีเจตนากลั่นแกล้งเพื่อหวังผลทางการเมือง ซึ่งการไม่ใช้กฎหมายอย่างนี้อาจส่งผลกระทบไปถึงการปรองดองด้วย ดังนั้นการสั่งให้ประเมินไปก่อนแล้วให้นายกฯ ทักษิณไปสู้คดีต่อในชั้นศาลดังที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวไว้ จึงเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าลักษณะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมาย ป.ป.ช. อย่างชัดเจน รวมทั้งกรณีนี้ ป.ป.ช.ต้องทราบดีอยู่แล้วด้วยตามหนังสือที่กระทรวงการคลังส่งให้ ป.ป.ช. ดังกล่าวข้างต้น ด้วยเหตุนี้จึงต้องร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้ทำการไต่สวนเอาผิดกับ ครม.และกรมสรรพากรต่อไปโดยเร็ว โดยจะไปยื่นหนังสือด้วยตนเองที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำในวันที่ 21 เมษายนนี้ เวลา 10.00 น." ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ผู้อ้างไปพบนายใหญ่ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ระบุ

 

อารมณ์ เคนหล้า สำนักข่าว Tnews