- 08 พ.ค. 2560
แค่สีสันสังคม นักร้องเรียน"ศรีสุวรรณ"ถูกเมิน !! นายก ขี้เกียจพูดแล้ว หลังยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินสอบจัดซื้อเรือดำน้ำ.. ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย!!!
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีเสนาธิการทหารเรือในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดซื้อเรือดำน้ำจีน ได้เดินทางไปลงนามในสัญญาจัดซื้อเรือดำน้ำ S26T จากบริษัท CSOC รัฐวิสาหกิจของกระทรวงกลาโหมจีน แบบรัฐต่รัฐ (G to G)แล้วเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าเป็นการเร่งรีบ โดยไม่คำนึงถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนถึงความไม่เหมาะสม ในภาวะข้าวยากหมากแพงสถานะทางการเงินและสถานภาพทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำ รวมทั้งอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของ สตง.
นายศรีสุวรรณ ระบุ กรณี เสนาธิการทหารเรือไปลงนามในสัญญาดังกล่าวแล้วจึงเข้าข่ายเป็นการกระทำอื่นใดของหน่วยงานรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย จึงยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 231(2) ของรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อขอให้เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลปกครอง พิจารณาต่อไป
ขระเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าว เช่นกันโดยระบุว่า.. "จะเข้ามาตราอะไรก็เข้าไป ผมไม่รู้ ไปว่ากันตามกฎหมาย ผมขี้เกียจพูดแล้ว อย่ามาพูดกับผมเรื่องเรือดำน้ำอีก ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย จะไปว่าอะไรก็ว่ามา"
ด้านกองทัพเรือซึ่งเป็นเจ้าภาพในการตัดซื้อเรือดำน้ำในครั้งนี้ พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงการเดินหน้าตรวจสอบ ของนาย ศรีสุวรรณ มองว่า"แค่สีสันในสังคม" กล่าวว่า..
ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องทำหน้าที่ของตนเอง และเป็นหน้าที่ของนายศรีสุวรรณที่ต้องการตรวจสอบความถูกต้อง ถือเป็นสีสันในสังคม
ทางกองทัพเรือเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ยินดีให้ตรวจสอบทุกอย่าง และเราก็ทำหน้าที่ของเราต่อไป ทั้งนี้ข้อแนะนำต่างๆถือเป็นข้อสังเกต ยืนยันว่ากองทัพเรือทำทุกอย่างตามระเบียบ ขั้นตอนและข้อกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาทางอัยการสูงสุดก็เข้ามาดูแลเรื่องกฎหมายโครงการนี้ตั้งแต่ต้น และทางคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำก็ทำตามกฎหมาย และมีหน่วยงานดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ไม่นาน..นักเคลื่อนไหวอย่างนายศรีสุวรรณ ได้ออกมาเรียกร้องให้ตามหาหมุดคณะราษฎรที่หายไป ซึ่งมีอันใหม่เข้ามาแทน แต่ยังไม่ทันจะยื่นเรื่องให้กับนายก ทางเจ้าหน้าที่ทหารก็ได้เชิญตัวขึ้นรถตู้ ควบคุมตัวจากศูนย์บริการประชาชน ไปยังกองบัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์
ซึ่งสำหรับเอกสาร ที่นายศรีสุวรรณ จะยื่นถึงนายกฯ นั้น มีเนื้อหาสรุปว่า การเปลี่ยนหมุดดังกล่าวอาจเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายอาญา ฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ จึงขอให้นายกฯสั่งตรวจสอบ ว่าบุคคลหรือหน่วยงานใดที่เข้าไปเปลี่ยนแปลง และสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำหมุดเดิม หรือสร้างใหม่ในรูปแบบและข้อความเดิม กลับไปไว้ที่เดิม หากไม่ดำเนินการใดๆตามคำร้องนี้ สมาคมฯขอใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อปกป้องหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่อไป