แผนชั่ว 2 ชั้น ..ขบวนการล้มเจ้า!! "จ้างเด็กให้ทำผิด ม.112" หวังให้ถูกจับแล้วนำไปขยายผลให้ ต่างประเทศโจมตีไทย.

จากกรณีท่ีมีผู้กระทำความผิดเผาพระบรมสาทิสลักษณ์ ร.9 ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตามม.112 และสภ.ชนบท ได้จับกุมผู้ที่กระทำความผิด จำนวน 4 ราย หลบหนี 1รายดังนี้
1) นายจิรายุทธ  (สงวนนามสกุล) อายุ 19ปี อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
2) นายรัฐธรรมนูญ  (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี นักศึกาาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
3) นายอัครพงษ์  (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
4) เด็กชายอภิสิทธิ์  (สงวนนามสกุล) อายุ 14 ปี อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
5) นายเศรษฐา   (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี  อ.ชนบท จ.ขอนแก่น .อยู่ระหว่างการหลบหนี และสำหรับผู้ว่าจ้างก่อเหตุกระทำความผิดตามม.112 คือ นายปรีชา (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ผู้ประกอบการโรงงานยาสนุนไพรอ.ชนบท จ.ขอนแก่น ก็อยู่ระหว่างการหลบหนีจับกุมเช่นกัน
      ในเบื้องต้น จากการการสอบถามจากผู้ก่อเหตุปรากฏว่าได้รับค่าจ้างเพียงคนละประมาณ 200กว่าบาทเท่านั้น!!!

 

  ล่าสุดเมื่อวันที่19 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยทั้งหมดได้ถูกควบคุมตัวโดยฝ่ายความมั่นคง ไปสอบสวนที่กรมทหารราบ ที่ 11 รักษาพระองค์ ที่กรุงเทพมหานครเรียบร้อยแล้ว
      กับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงของกลุ่มขบวนการล้มเจ้าอย่างชัดเจน ท่ีได้เคลื่อนไหวใต้ดินอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้เกรงกลัวต่อกฏหมายแต่อย่างใด 
      โดยอาศัยช่องว่างทางโซเชียลมีเดียร์ วางแผนเตรียมการ เพราะก่อนหน้านี้ขบวนการล้มเจ้าที่ได้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอกระทำความผิดตามม.112 เป็นการกระทำที่คล้ายคลึงกัน และเตรียมการได้ขยายผล เชื่อมโยงเข้ามาทางภาคเหนือ ซึ่งนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกหนังสือคำสั่งที่ ชม 0018/ว005 ลงวันที่ 9 พ.ค. 60 เรื่อง การติดตามเฝ้าระวังกลุ่มบุคคลที่ต่อต้านสถาบันหลักของชาติ เพื่อป้องกันการลุกลามขยายตัวของปัญหาดังกล่าว

 

 

 อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า การกระทำความผิดที่อำเภอชนบทในครั้งนี้ได้ทำการจ้างเด็กให้เป็นผู้ลงมือปฏิบัติเพราะหวังผล 2 ชั้น นั่นคือต้องการ ให้เกิดการกระทำความผิดเพื่อท้าทายคสช.  และคาดหวัง ว่าเจ้าหน้าที่จะจับกุมผู้กระทำความผิดได้เพราะเป็นเพียงแค่เด็กไม่มีช่องทางที่จะหลบหนี  ซึ่งจะทำให้ขบวนการล้มเจ้าให้เครือข่ายท่ีอยู่ต่างประเทศเอาเรื่องนี้ไปขยายผลโจมตีประเทศไทยต่อไป ว่าขนาดกับเด็กก็ถูกดำเนินคดีตาม ม.112 
      จะเห็นได้ถึงความร้ายกาจ ความไร้มโนสำนึกของคนที่อยู่เบื้องหลัง ว่าเตรียมแผนการชั่วร้าย มีความซับซ้อน ไม่ใช่ว่าเหตุที่จ้างเด็กเพราะราคาถูกกว่าจ้างผู้ใหญ่แต่ต้องการความต่อเนื่องของผลมากกว่า

และจากกรณีนี้หากสังเกตให้ดี จะพบว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดทั้งหมด 6 คน เป็นคนลงมือร่วมกัน 5 คน สามารถจับกุมได้แล้ว 4 คน ล้วนอยู่ในอ.ชนบท จ.ขอนแก่น ทั้งสิ้น มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าการกระทำครั้งนี้ อาจจะอยู่ในเครือข่ายขบวนการ"ขอนแก่นโมเดล" ??
       ย้อนกลับไปดูขบวนการขอนแก่นโมเดล  ซึ่งเมื่อวันท่ี 23 พฤษภาคม 2557 เจ้าหน้าท่ีได้การปฏิบัติการจู่โจมสายฟ้าแลบด้วยกำลังผสมทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน กว่า 50 นาย บุกเข้าจับกลุ่มคนเสื้อแดงที่กำลังประชุมกันอยู่ในอพาร์ทเม้นท์หรู ริมบึงหนองโคตร ภายในบ้านกอก ต.บ้านเป็ด อ.เมือง ขอนแก่น จำนวน 22 คน มีชาย 21 คน และหญิง 1 คน ซึ่งมีการเคลื่อนไหวเพื่อหวังสร้างความรุนแรงเป็นกลุ่มมวลชนฮาร์ดคอร์ มีทั้งกองกำลังอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.), แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน และกลุ่มแกนนำกองทัพปราบกบฏ 

 

 

          ต่อมาเมื่อขยายผลสอบสวนต้องตกตะลึงเมื่อพบ กระสุนปืน และวัตถุระเบิด และพบว่ามีเอกสารเกี่ยวกับอุปกรณ์ระเบิด เอกสารการฝึกของกลุ่ม อพปช. ผ้าพันคอของ อพปช. อีกจำนวนมาก บัตรสมาชิก นปช. และภาพถ่ายของผู้ต้องหาที่เคยถ่ายกับบุคคลสำคัญ ๆ เอาไว้อีกหลายแผ่น   และผู้ต้องหาคนสำคัญที่ทหารควบคุมตัวเอาไว้ครั้งนั้น คือ นายมีชัย ม่วงมนตรี ชาว อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด แกนนำกองทัพปราบกบฏ ที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในพื้นที่อีสานกลาง, จ.ส.ต. ประทิน จันทร์เกศ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีภาพถ่ายสมัยเข้าฝึกเป็นอาสาสมัครตำรวจและมีภาพถ่ายกับบุคคลสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย โดยแนวคิดของกลุ่มคือการก่อการร้าย ซ่องสุม กำลังพล และอาวุธ พร้อมจะยึดค่ายทหาร ตำรวจ หน่วยงานราชการ โดยจะมีการประสานงานผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ เฟซบุ๊ก เพื่อสร้างความวุ่นวายในช่วงเทศกาลที่สำคัญ นอกจากนี้ ผู้ต้องหาในขบวนการยังอยู่ในกลุ่มหมิ่นสถาบันอีกด้วย
      กลุ่มขบวนการเหล่านี้จะไม่มีวันเลิกราอย่างแน่นอน จนกว่าจะสามารถจับกุมผู้บงการใหญ่ซึ่งหลบหนีคดีอยู่ท่ีต่างประเทศได้!!!!!