ยุ่งล่ะ"พ่อใหญ่จิ๋ว"รับไป! "สมชาย"อ้างตนไม่เกี่ยวสลายพันธมิตรฯจนมีคนตาย โบ้ย"พ่อใหญ่จิ๋ว-ตำรวจ"คุมเหตุการณ์วันนั้น ตนไม่ยุ่ง-ปีนกำแพงหนีก่อน

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

ยุ่งล่ะ"พ่อใหญ่จิ๋ว"ซวยแล้ว!! "สมชาย" อ้างตนไม่เกี่ยว-ไม่สั่งฆ่าพันธมิตรฯ เพราะไม่ใช่หน้าที่ และอำนาจของผม โบ้ย "พ่อใหญ่จิ๋ว" คนคุมเหตุการณ์วันนั้น ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างเหตุที่ต้องปีนกำแพงหนี เพราะไม่อยากให้ตำรวจใช้แก๊สน้ำตากับผู้ชุมนุม

 

วันนี้ (30 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีกรณีศาลฏีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนพยานจำเลยนัดสุดท้าย คดีสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 หรือเกือบ 9 ปีก่อน โดย ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี , พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ,พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นจำเลยที่ 1-4 ตามลำดับ ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 295 และ 302

ล่าสุดเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาแถลงปิดคดีต่อศาลด้วยวาจาด้วยตนเอง โดยเขาได้ขอความเป็นธรรมต่อศาล พร้อมระบุถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า ตนไม่ได้สั่งการให้สลายผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะไม่อยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว เพราะตนเลือกปีนกำแพงออกจากรัฐสภา เพราะไม่อยากให้ ตำรวจใช้แก๊สน้ำตากับผู้ชุมนุม ส่วนการสลายชุมนุมที่รัฐสภานั้นเป็นอำนาจตำรวจ ตนไม่ได้สั่งการ เพราะไม่อยู่ในที่เกิดเหตุอย่างที่กล่าว และไม่ได้รับรายงาน เพราะไม่มีอำนาจโดยตรง เช่นเดียวกับการสลายชุมนุมหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลก็เช่นกัน


นายสมชายยังระบุด้วยว่า สำหรับผู้ตาย 2 คนในเหตุการณ์ เขาระบุว่า คนแรกเสียชีวิตเพราะรถขนระเบิดของตัวเอง ส่วนคนที่ 2 ไม่ได้เสียชีวิตเพราะแก๊สน้ำตา

 

"ขอย้ำว่าผมไม่ได้ละเว้นหน้าที่ แล้วทำให้คนตาย เพราะการสลายชุมนุม ควบคุมฝูงชน ไม่ใช่หน้าที่และอำนาจของผม มีคนที่รับผิดชอบอยู่แล้ว โดยเหตุการณ์ในวันที่ 6-7 ต.ค.2551 ได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อประเมินสถานการณ์ในการเตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เนื่องจากประธานรัฐสภาระบุว่าไม่สามารถเลื่อนวันหรือเปลี่ยนสถานที่แถลงนโยบายได้ ซึ่งไม่ได้มีการกำชับคำสั่งใดๆเป็นพิเศษ แต่ได้มอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี กำชับดูแลเหตุการณ์ในขณะนั้น ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งระหว่างปฏิบัติงานได้สั่งห้ามใช้แก๊สน้ำตา และย้ำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาควบคุมสถานการณ์อย่างละมุนละม่อม เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ซึ่งการดูแลความเรียบร้อยเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของตำรวจ" นายสมชาย อ้าง


ทั้งนี้ นายสมชาย ยังยืนยันหลังการไต่สวนด้วยว่า การต่อสู้คดีเป็นไปตามขั้นตอนปกติ เพราะเชื่อมั่นว่าตนไม่ผิด ส่วนการสืบพยานไม่มีปัญหา และทีมกฎหมายทำงานเต็มที่ ท้ายสุดการวินิจฉัยเป็นอำนาจของศาล ยืนยันว่ากระบวนการดำเนินไปตามปกติ ไม่มีวิธีใดแตกต่างจากคดีอื่นเป็นพิเศษ ทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายตนแสดงความบริสุทธิ์ตามพยานหลักฐาน และเชื่อมั่นในคำตัดสินของศาล 


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการแถลงปิดคดีของนายสมชาย ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาวันที่ 2 ส.ค.นี้เลย พร้อมกำชับจำเลยที่ 2 คือ พล.อ.ชวลิต ให้มาฟังคำพิพากษาตามนัดด้วย