น่าสังเวช"หญิงปู"ยังคิดว่าคนไทยโง่? อ้างสุดมดเท็จปิดคดี"ไม่มีงานหน่วยงานใดให้ยุติโครงการ" แถมพูดแบบไม่อาย"ตนเป็นเหยื่อเกมการเมืองที่ลึกซึ้ง"

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

อารมณ์ เคนหล้า สำนักข่าว Tnews
 

และแล้ว "มหากาพย์โคตรโกง-ทุจริตจำนำข้าว" ก็เดินทางมาถึงฉากสุดท้ายอย่างแท้จริงแล้ว เมื่อ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตกเป็นจำเลย ต้องเดินทางมาแถลงปิดคดีด้วยวาจาด้วยตนเองในวันนี้ (1 ส.ค.) ท่ามกลางกองเชียร์เสื้อแดงที่ขนกันมาเชียร์อย่างแน่นหนา และนับจากนี้ไปอีก 24 วัน คือ ในวันที่ 25 เดือนเดียวกันนี้ ศาลฯ ก็นัดอ่านคำพิพากษาคดีนี้เลย หลังจากนั้นสาธารณชนจะได้รับรู้ว่าร่วมกัน...คดีนี้บั้นปลายจะลงเอยเช่นไร (แต่ยังมีอุทธรณ์ ตามรัฐธรรมนูญใหม่กำหนด)


อย่างไรก็ตาม สำหรับคำแถลงปิดคดีในวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เขียนคำแก้ข้อกล่าวหามาทั้งหมด 6 ประเด็น แน่นอนทั้ง 6 ข้อล้วนพยายามหักล้างข้อกล่าวหาที่พุ่งเข้าหาเธอซึ่งสวนทางกับสิ่งที่ อัยการสูงสุดที่เป็นฝ่ายโจทย์พูดไว้ราว "ดำกับขาว" อย่างมิพักต้องสงสัยแน่ๆ แต่ทว่าในที่นี้จะนำข้อแก้ต่างข้อที่ 4 ที่ว่า "เรื่องการไม่ระงับยับยั้งโครงการ เนื่องจากโครงการมีประโยชน์ ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายตามฟ้อง" ตามที่ ยิ่งลักษณ์อ้าง ซึ่งขัดกับข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่คนไทยรู้เห็นกันอย่างกว้างขวางว่า...โครงการรับจำนำข้าวนั้นทำประเทศ...พินาศย่อยยับแค่ไหน...มาพิจารณาให้เห็นว่า...เธอโกหกมดเท็จ...และดูถูกสติปัญญาคนไทยเพียงไร

 

โดยยิ่งลักษณ์ถึงกับระบุในคำแถลงปิดคดีในข้อนี้ตอนหนึ่งว่า 

"การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแต่โครงการมีความคุ้มค่าไม่เป็นภาระต่องบประมาณที่เกินสมควรหรือเป็นปัญหาต่อหนี้สาธารณะตามที่กฎหมายกำหนด จึงไม่เสียวินัยการเงินและการคลังของประเทศจนกระทั่งต้องระงับหรือยุติโครงการ
       

ดิฉันขอเรียนว่า การดำเนินโครงการมีประโยชน์และมีความคุ้มค่าต่อการดำเนินภารกิจภาครัฐ ตามที่กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินความคุ้มค่าที่ต้องไม่คำนึงเฉพาะรายจ่ายหรือประโยชน์ที่คำนวณเป็นตัวเงินได้เฉพาะของโครงการเท่านั้นแต่ต้องพิจารณาถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศและประโยชน์อื่น ๆ โดยรวมที่สังคมได้รับจากโครงการนั้นด้วย
       
เพราะภารกิจของภาครัฐมิใช่กระทำเพื่อแสวงหากำไร แต่เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ตามที่กำหนดไว้ในแผนการบริหารราชการแผ่นดินซึ่งถือเป็นเรื่องสาระสำคัญที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. และโจทก์ มิได้พิจารณาถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศและประโยชน์อื่นๆ ของโครงการและไม่สามารถหักล้างพยานของดิฉันว่าโครงการมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจทั้งที่คำนวณเป็นตัวเงินได้"

เหนืออื่นใดก็คือ เธอถึงกับระบุในตอนท้ายของหัวข้อนี้ว่า "ไม่มีหน่วยงานใดที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินโครงการเสนอต่อดิฉันและคณะรัฐมนตรีให้ยุติหรือระงับยับยั้งการดำเนินโครงการ" 

 

 

 

ซึ่งประโยคนั้นทั้งประโยค หรือจะเรียกว่าหัวข้อที่ 4 ทั้งหัวข้อเป็นคำแถลงที่สุดมดเท็จ เพราะมีข้อมูลชัดเจนว่า ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2557  สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้นำหนังสือ สตง. จำนวน 4  ฉบับ ที่แจ้งถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไปก่อนหน้า เพื่อให้พิจารณาเกี่ยวกับปัญหาและความเสี่ยงสำคัญที่เกิดขึ้นกับโครงการรับจำนำข้าวที่ส่อให้เกิดการทุจริต โดยฉบับแรกลงวันที่ 24 สิงหาคม 2554 นับแต่ที่เริ่มโครงการฯ crop แรก ส่วนฉบับที่ 4 ลงวันที่ 30 มกราคม 2557 จากนั้นวันที่ 31 มกราคม 2557 หรือถัดมาอีกแค่ 1 วัน  สตง.ยังทำหนังสือฉบับที่ 5 แจ้งถึงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับการจัดหาแหล่งเงินกู้เพื่อนำมาใช้ในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล 

 

และตามข้อเท็จจริง หนังสือ สตง.จำนวน 4 ฉบับ ที่แจ้งถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ นี่เองที่เป็น หลักฐานสำคัญที่ ป.ป.ช. นำมาใช้ประกอบในการพิจารณาคดีกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และระบายข้าว โดยเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งจนก่อให้เกิดความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท ดังที่เป็นข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์

 

นอกจากนี้ แม้แต่ทาง ป.ป.ช." เอง ก็ส่งหนังสือทักท้วงไปถึงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยพบข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2555 ทาง ป.ป.ช. ได้ทำหนังสือเลขที่ ปช. 0003/0198 เรื่องข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตกรณีการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลในการรับจำนำข้าวเปลือก 

 

โดยยังพบข้อมูลด้วยว่า หนังสือของ ป.ป.ช.ฉบับดังกล่าว มีการนำเข้าที่ประชุม ครม. ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 ทว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ กลับไม่สนใจ และมีมติยืนยันว่า การดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกมีวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรในการยกระดับราคาพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งเป็นการยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกรในชนบทตามแนวนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาทุกประการ (ซึ่งเป็นวลีเดียวกับที่เธอใช้แถลงปิดคดีในวันนี้)

 

...นั่นเป็นแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ จากข้อเท็จจริงมหาศาลของ "มหากาพย์โคตรโกง-ทุจริตจำนำข้าว" ที่อยากให้คนไทยได้รับรู้ว่า สิ่งที่ยิ่งลักษณ์พูดมานั้น สะท้อนให้เห็นความโกหกมดเท็จของอดีตนายกฯ หญิงผู้นี้ ที่พยายามเอาตัวรอดจากการทำให้ประเทศต้องพินาศไปกว่า 5 แสนล้านบาท...แบบไร้ซึ่งความสำนึกผิดชอบชั่วดีแค่ไหน...ทั้งนี้ยังไม่นับ ก่อนจะจบคำแถลงปิดคดี เธอยังลากเรื่องนี้เข้าไปสู่แง่มุมของการเมือง...โดยยังเข้าใจว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้ง ดังที่เธอระบุในช่วงท้าย ๆ ว่า "ดิฉันไม่ได้ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในการระบายข้าว ดิฉันรู้ดีว่าดิฉันเป็นเหยื่อของเกมการเมืองที่ลึกซึ้ง"

 

อย่างที่บอกไว้แต่ต้น ผู้ที่ติดตามการเมืองมานาน และห่วงใยบ้านเมืองอาจขัดใจและยอมรับไม่ได้กับคำแถลงอันสุดมดเท็จของอดีตนายกฯ หญิงผู้นี้ แต่ก็นั่นแหล่ะ...ทั้งหลายทั้งปวง...อยู่ที่คำวินิจฉัยของศาลฯ ว่าจะชี้ขาดเรื่องนี้เช่นไร และในวันที่ 25 ส.ค.นี้...คนไทยคงได้รับรู้ข้อยุติพร้อมกัน