ยังก่อน..อย่าเพิ่งลืม?! คุก42 ปี"บุญทรงจีทูจีเก๊" แค่ฉากแรก29 ส.ค.นี้ ถึงคิว"ยงยุทธ วิชัยดิษฐ" คดีที่ดินอัลไพล์ อีกหนึ่งมหากาพย์การโกงนักลต.

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th


ยังก่อน...อย่าเพิ่งลืม?! คุก 42 ปี "บุญทรงจีทูจีเก๊" เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา แค่ฉากแรกของมหากาพย์การโกงของนักเลือกตั้ง "ระบอบทักษิณคิด-เพื่อไทยทำ" เพราะในวันที่ 29 ส.ค. หรือในวันพรุ่งนี้ มีคดีใหญ่ที่จ่อเชือดนักการเมืองสายเพื่อไทยอีกหนึ่งคดี นั่นคือ คดีทุจริตที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพล์นกว่า 700 ไร่ ที่มี "ยงยุทธ วิชัยดิษฐ" อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย้ำอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย หลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด และเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายยงยุทธ ในคดีดังกล่าว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ต่อศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 และนับเป็นคดีแรก ๆ ที่ตัดสินโดยศาลอาญาแผนกคดีทุจริตฯ ที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน (ก่อนหน้านี้เป็นแผนกหนึ่งในศาลอาญาฯ)

 

โดยคดีนี้ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้ไต่สวนนัดสุดท้ายเสร็จแล้ว และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 29 ส.ค. 2560 โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 6-3 เสียง ชี้มูลความผิดนายยงยุทธ กรณีมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินให้ยกเลิกโฉนดที่ดินที่จดทะเบียนในนาม "สนามกอล์ฟอัลไพน์" ที่แบ่งแยกจากโฉนดที่ดิน 2 แปลง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยเห็นว่า มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา

 

สำหรับที่มาที่ไปของคดีต้องย้อนไปเมื่อปี 2545 สมัยที่ “นายยงยุทธ” เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ใช้อำนาจรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 13 มี.ค.45 ในการรับรองการซื้อขายที่ดินวัดธรรมาธิการราม กับ บริษัท อัลไพน์ ว่ามีความถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ทั้งที่ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ธรณีสงฆ์ ไม่สามารถซื้อขายหรือโอนได้

 

จากนั้น ป.ป.ช. มีมติ ฟ้อง นายเสนาะ เทียนทอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย พร้อมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน จ.ปทุมธานี สาขาธัญบุรี ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต กรณีจดทะเบียนโอนมรดก และโอนขายที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหารโดยมิชอบ จำนวน 732 ไร่ และละเว้นไม่ดำเนินการเพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนที่ดิน  โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายเสนาะเมื่อปี 2553 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 148 แต่ความผิดตามมาตรา 157 ขาดอายุความตั้งแต่ปี 2548 จึงส่งแค่ผิดตามมาตรา 148 ให้อัยการสูงสุด (อสส.) ดำเนินการต่อไป ต่อมา อสส. ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อย่างไรก็ดี ท้ายสุดศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษายกฟ้อง

 

 

จากนั้นต่อมาอีก 2 ปี คือ ปี2555 คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิด นายยงยุทธ ในคดีดังกล่าวตามมา  โดยคดีนี้ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอง โดยมีการนำหลักฐานและเอกสารจำนวน 8 ลัง ไปมอบให้แก่ศาล และนำให้นายยงยุทธ ต้องยุติบทบาททางการเมืองในเวลาต่อมา แม้ช่วงแรกจะพยายามยื้ออย่างมากก็ตาม

 

และศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 29 สิงหาคม หรือก็คือวันพรุ่งนี้ หลังตัดสินคดีทุจริตจีทูจีเก๊ที่ส่งผลให้ "บุญทรง" ไปนอนในคุกถึง 42 ปี เพียงแค่ 4 วันเท่านั้น