"พินทองทา" เคลื่อนไหวบ้างส่งกำลังใจให้ "พานทองแท้" หลังถูกดีเอสไอแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ด้านพี่ชาย ท้าทายกระบวนการยุติธรรมไทยอีกครั้ง

จากกรณีมีรายงานข่าววันที่ 8 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา คดีทุจริตเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ซึ่งล่าสุดที่ประชุมคดีฟอกเงินจากการทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย ซึ่งประกอบไปด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ , นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มีมติสั่งให้แจ้งข้อกล่าวหา "นายพานทองแท้" ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน โดยมีกรอบกำหนดระยะเวลาการทำคดีให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 เดือน ก่อนออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหาเข้ามาชี้แจงแสดงพยานหลักฐานต่อไป

 

"พินทองทา" เคลื่อนไหวบ้างส่งกำลังใจให้ "พานทองแท้" หลังถูกดีเอสไอแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ด้านพี่ชาย ท้าทายกระบวนการยุติธรรมไทยอีกครั้ง

ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความบนเฟสบุ๊คส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra ระบุข้อความว่า

 

 

"ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือในนามของกระบวนการยุติธรรม"

เป็นคำกล่าวของ มงแต็สกีเยอ ที่คุณพ่อผมเพิ่งนำมาทวิตไปเมื่อวันก่อนครับ

ในช่วงเวลาที่คุณพ่อทวิตนั้น ปรากฏว่ามี "เอกสารหลุด" จากคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวฯ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ฯ ในฐานะหัวหน้า คสช. เป็นประธาน ได้สั่งการในที่ประชุมว่า ให้เร่งดำเนินการส่งฟ้องเรื่องจำนำข้าว โดยไม่ต้องคำนึงถึงกระบวนการยุติธรรม โดยให้เร่งดำเนินการ มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบทั้ง 3 หน่วยงาน จะต้องมีความผิด

ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ขณะนี้ได้มีเอกสารหลุดอีกฉบับหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องของตัวผมโดยตรง ซึ่งเป็นของอดีตรองอธิบดีดีเอสไอ ที่ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ว่าได้รับคำสั่งให้แจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีกับพานทองแท้ ทั้งๆ ที่ตนเองได้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ผู้สั่งการทราบแล้วว่า ธุรกรรมของนายพานทองแท้นั้น ไม่ได้มีส่วนใดที่ผิดกฎหมาย จึงไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีได้ เป็นเหตุให้ตนเองต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งรองอธิบดีฯ ไปนั่งตบยุงที่สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งได้บรรยายเหตุการณ์ในการสั่งการอย่างไม่ชอบธรรม โดยมีพยานยืนยันซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอเองอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

กระบวนการยุติธรรมของไทยเราทุกวันนี้ บิดเบี้ยวถึงขั้นจะตรวจสอบเรื่องข้าว หัวหน้าคสช.ก็สั่งการกับข้าราชการด้วยตัวเองว่า ไม่ต้องคำนึงกระบวนการยุติธรรม ใครไม่เร่งทำถือว่ามีความผิด

จะตรวจสอบคดีแบงค์กรุงไทย ซึ่งมีการกู้เงินนับหมื่นล้าน แทนที่จะไปตรวจสอบองค์กรที่ได้รับผลประโยชน์ก้อนใหญ่ หรือรายชื่อนายทหารนายตำรวจ และบุคคลองค์กรอื่นๆ อีกกว่า 300 ธุรกรรม (รวมถึงมูลนิธิรัฐบุรุษฯ และนายพลเรือคนดัง ก็มีชื่อรับโอนเงินก้อนดังกล่าวด้วย) กลับไม่สนใจจะตรวจสอบ แต่กลับมาสั่งการกับผู้ปฏิบัติแบบเน้นๆ ให้จ้องเอาผิดกับธุรกรรมทางการเงินจำนวน 10 ล้าน ซึ่งเท่ากับ 0.1 % ของจำนวนเงินทั้งหมด เพียงเพราะว่าเป็นธุรกรรมทางการเงินของลูกอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตัวเองตั้งธงเอาไว้แล้วว่า จะต้องยัดเยียดความผิดให้ได้

เรื่องแบบนี้ ถ้าไม่เกิดกับลูกหลานตัวเองบ้าง ผู้มีอำนาจที่สั่งการกันมาเป็นทอดๆ อาจจะยังไม่รู้สึกหรอกครับ แต่ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งเวรกรรมจะตามทัน

ถ้าไม่เชื่อใน"กฎแห่งกรรม" ก็เชิญผู้มีอำนาจสั่งการหาเรื่องกันต่อไปเถอะครับ วันไหนกรรมตามสนองลูกหลานตัวเองบ้าง ก็ขออย่าได้โอดครวญแล้วกัน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2560 นางพินทองทา คุณากรวงศ์ บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาโพสต์ภาพและข้อความผ่านอินสตราแกรมส่วนตัว โดยเป็นรูปที่ถ่ายคู่กับนายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชาย โดยมีข้อความว่า “เค้ารักเตงนะ #ไม่ค่อยจะหวานกันเท่าไหร่แต่จุดนี้อยากบอก…รักและเคียงข้างเสมอ @oak_ptt” ซึ่งการโพสต์รูปและข้อความครั้งนี้ เกิดจากที่นายพานทองแท้ ชินวัตร ถูกพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน โดยให้รวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน

 

"พินทองทา" เคลื่อนไหวบ้างส่งกำลังใจให้ "พานทองแท้" หลังถูกดีเอสไอแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ด้านพี่ชาย ท้าทายกระบวนการยุติธรรมไทยอีกครั้ง

 

"พินทองทา" เคลื่อนไหวบ้างส่งกำลังใจให้ "พานทองแท้" หลังถูกดีเอสไอแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ด้านพี่ชาย ท้าทายกระบวนการยุติธรรมไทยอีกครั้ง