ผงะ! กระชากหน้ากากคนสั่งปิดสนามบิน-โยนผิดพันธมิตรฯ ที่แท้ฝีมือ "เสรีรัตน์ ประสุตานนท์" พี่เมีย"วีระกานต์" แดงตัวเอ้แห่งระบอบทักษิณ-จัดการเอง

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

กระชากหน้ากากผู้สั่งปิดสนามบินตัวจริง และโยนความผิดให้กลุ่มพันธมิตรฯ กระทั่งศาลฯ สั่งให้ชดใช้ 522 ล้าน พบข้อมูลไม่ต่างไปจากที่คาดการณ์ไว้ ที่แท้เป็นฝีมือ "เสรีรัตน์ ประสุตานนท์" เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง กรรมการและรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เหนืออื่นใด คือ ข้อมูลพบว่า เขาคือ พี่เมียของ "วีระกานต์ มุสิกพงษ์" 1 ใน 3 แกนแดงตัวเอ้แห่งระบอบทักษิณ...ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า...เหตุใดการหลบหลีกการโจมตีของผู้นิยมความรุนแรงจากฝ่ายที่นิยม "ระบอบทักษิณ" ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าไปยังบริเวณถนนหน้าอาคารรับส่งผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิ...เพราะต้องการอาศัยถนนที่อยู่ด้านบนช่วยป้องกันการถูกถล่มด้วย M 79 ซึ่งถล่มใส่กลุ่มพันธมิตรฯ ทุกคืนในช่วงนั้น...จึงกลายเป็นการสั่งปิดสนามบินไปได้...ทั้งที่ระบบการบิน รวมทั้งรันเวย์ และการบริการอื่น ๆ ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ  แต่เมื่อพบว่า ผู้สั่งปิดคือ พี่เมียของ "วีระกานต์ มุสิกพงษ์" 1 ใน 3 แกนนำแดงตัวเอ้แห่งระบอบทักษิณ...ทุกอย่างก็ชัด


หลักใหญ่ใจความของเรื่องนี้ต้องย้อนไปช่วงกลางปี 2553 คือเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2553 เมื่อศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ออกนั่งบัลลังก์สืบพยานโจทก์ในคดีที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย กับพวกที่เป็นแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรฯรวม 13 คน ในความผิดฐานละเมิดและขับไล่ พร้อมเรียกค่าเสียหาย 245,790,774 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีนำกลุ่มแนวร่วมพันธมิตรฯชุมนุมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ช่วงเดือน พ.ย.ปี 2551

 

โดยวันนั้น "นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.เป็นพยานขึ้นเบิกความสรุปว่า "ยอมรับสารภาพเป็นผู้สั่งการให้ปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ" โดยเขาอ้างว่า เนื่องจากพนักงานของสนามบินตื่นตระหนก ไม่กล้าทำงาน และคำสั่งปิดสนามบินเป็นการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศ เพราะหากเปิดให้บริการต่ออาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้โดยสาร โดยเป็นการสั่งปิดให้บริการชั่วคราวในเวลา 21.00 น. และแจ้งปิดอย่างเป็นทางการในเวลา 23.00 น. หรือในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา

 

ในวันนั้น นายเสรีรัตน์ ยังยอมรับกลางศาลด้วยว่า ตนเองเป็นพี่ชายแท้ๆ ของ "นางศรีวิไล ประสุตานนท์" ภรรยา .นายวีระ มุสิกพงศ์" (ชื่อเดิม) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 แกนนำแดงตัวเอ้แห่งระบอบทักษิณ แต่เขากลับอ้างหน้าตาเฉยว่า  ไม่ทราบเรื่องที่ "นายวีระ" น้องเขยเป็นหัวหอกเคลื่อนไหวทางการเมืองให้ระบอบทักษิณ (ที่ใช้คำว่า เขากลับอ้างหน้าตาเฉย เพราะช่วงนั้นการชุมนุมของคนเสื้อแดง โดยเฉพาะม็อบใหญ่ช่วงเดือน พ.ค. 2553 เป็นข่าวครึกโครมต่อเนื่องยาวนานนับเดือน...แต่เสรีรัตน์อ้างไม่รู้)


 

ขณะที่ ข้อเขียนของ "สุเทพ อัตถากร" เรื่อง “ยึดสนามบินไทย-ฝรั่งวัฒนธรรมการเมืองที่ต่างกัน” ในประเด็นการกล่าวหา “พันธมิตรฯ ปิดสนามบินฯ” อันนำไปสู่มติที่บอร์ดการบินไทย และบอร์ดการท่าอากาศยานฯ รวมทั้งความพยายามของตำรวจที่จะเอาผิดแกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหาฉกาจฉกรรจ์ เช่น ก่อการร้าย บุกยึดระบบขนส่งมวลชนของประเทศ 
        
โดยในข้อเขียน คุณสุเทพ ได้ตั้งข้อสังเกต ถึงการเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมจากทำเนียบรัฐบาล มุ่งหน้าไปยังสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อกดดันให้นายกฯ สมชายลาออกจากตำแหน่ง แต่การชุมนุมกินพื้นที่ เฉพาะบริเวณที่เป็นทางรถวิ่งจอดรับ-ส่งผู้โดยสารด้านนอกเท่านั้น มิได้เข้าไปยึดหรือเกี่ยวข้องภายในตัวอาคารสนามบินแต่อย่างใดเลย และตลอดคืนวันนั้นจนกระทั่งถึงเวลา 10 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้นเครื่องบินเที่ยวบินต่างๆ ยังคงสามารถขึ้นลงได้ตามปกติ ไม่มีอุปสรรคอะไรเลย  เรียกได้ว่า เจ้าหน้าที่การท่าฯ นอกจากจะยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงที่ควรแจ้งข่าวไปยังผู้โดยสารอื่นๆ และหน่วยงานต่างๆ แต่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ของการท่าฯ ก็มิได้กระทำ กลับอ้างว่าผู้โดยสารต้องเสียเวลา หน่วยงานต่างๆ ก็ต้องเสียเวลาเพราะไม่ทราบมาก่อนว่าจะปิดสนามบิน 
        
       
"ความจริงแล้วเมื่อผู้ชุมนุมมานั่งชุมนุมอยู่ข้างนอก ปราศรัยและร้องเพลงกันมาหลายชั่วโมงตลอดคืน เครื่องบินขึ้นลงได้เป็นปกติตลอดคืนจนถึงช่วงสายของวันรุ่งขึ้น จึงมีคำถามแรกที่ควรถูกถามด้วยความสงสัยก็คือ ผู้ว่าการท่าอากาศยานฯ สั่งปิดท่าอากาศยานฯ นั้นในเวลาต่อมา ชอบด้วยเหตุด้วยผลโดยสุจริตใจหรือไม่ หรือด้วยมีเหตุจูงใจประการอื่น" นั่นคือ ข้อสังเกตที่ "คุณสุเทพ อัตถากร" บันทึกไว้เมื่อกว่า 8 ปีก่อน


อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของคุณสุเทพ สอดคล้องกับสิ่งที่ "นายพิภพ ธงไชย" อดีตแกนนำพันธมิตรฯ รุ่นแรก ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว  "Pibhop Dhongchai" เพื่ออธิบายกรณีนี้ โดยเฉพาะประเด็น "ผู้ว่าการท่าฯสั่งปิดสนามบินเอง และละทิ้งผู้โดยสาร จนอาสาสมัคร พธม.ที่รู้ภาษาต่างประเทศ ต้องไปบริการผู้โดยสาร ที่ถูกผู้ว่าการท่าฯทิ้ง" หลังศาลฯ สั่งให้ต้องชดใช้ค่าเสียหายกว่า 522 ล้านบาทเมื่อ 3-4 วันก่อน โดยรายละเอียดที่ อดีตแกนนำพันธมิตรฯ รุ่นแรก ระบุไว้ คือ 

 

 

อีกข้อเท็จจริง ที่ถูกมองข้าม กรณีพันธมิตรฯ ชุมนุมที่สนามบิน พธม.ไม่ได้ไปยึดสนามบิน แต่ไปดักรอนายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กลับจากต่างประเทศ จึงไปดักรอทั้งสองสนามบิน โดยชุมนุมอยู่บริเวณทางวิ่งของถนนรถยนต์ที่ใช้รับส่งผู้โดยสาร เท่านั้น เหมือนคราวหนึ่ง พธม.นัดไปสนามบินดอนเมิอง เพื่อดักรอนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร จะบินกลับจากองค์การสหประชาชาติ จึงอย่าตีความว่า พธม.ยึดสนามบิน


เพราะไม่ได้คิดยึดสนามบิน แต่ผู้ว่าการท่าฯสั่งปิดสนามบินเอง และละทิ้งผู้โดยสาร จนอาสาสมัคร พธม.ที่รู้ภาษาต่างประเทศ ต้องไปบริการผู้โดยสาร ที่ถูกผู้ว่าการท่าฯทิ้ง แกนนำ พธม.ต้องบริหารจัดการไม่ให้สนามบินเสียหาย ทั้งลานบิน และร้าน Duty Free รวมทั้งจัดหาเครื่องบินมารับผู้แสวงบุญไปร่วมพิธีฮัจญ์สำเร็จ จนเมื่อมวลชนเรือนหมื่นถอนตัวกลับ หลังจากที่ศาล รธน.ตัดสินยุบพรรค 3 พรรค  ผู้ว่าการท่าฯผู้สั่งปิดสนามบิน ก็สามารถจัดการสั่งเปิดสนามบินได้ทันที ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากมวลชน พธม.ถอนตัว แล้วมีอะไรเสียหาย ความเสียหายที่เกิดขึ้น เกิดจากการสั่งปิดและไม่หาทางจัดการสั่งการขึ้นลงของเครื่องบินโดยสารเอง ทั้งให้ไปลงสนามบินนานาชาติอื่น ที่มีเต็มประเทศ ก็สามารถทำได้ทำไมแกนนำ พธม.ทำได้ โดยหาเครื่องบินจากอาหรับ มาลงที่สนามบินอู่ตะเภา รับผู้แสวงบุญ ขึ้นบินไปซาอุฯได้ และยังจัดการให้เครื่องการบินไทยขึ้นจากสนามบินดอนเมืองไปหาดใหญ่ รับผู้แสวงบุญได้ทันเช่นกัน 


เพราะฉะนั้น อย่าใช้ คำว่า "พธม.ยึดสนามบิน" พี่น้อง พธม.สามารถยับยั้งไม่ให้รัฐบาลตัวแทนตระกูลชินวัตร บริหารงานสร้างความเสียหายให้ประเทศชาติได้ถึง 3 รัฐบาล ดังรายละเอียดปรากฎในสำนวนคดีที่คาอยู่ที่ศาลหลายคดี ไปรื้อมาอ่านกันได้ แล้วเป็นอย่างไร พอถึงรัฐบาลตระกูลชินวัตร รัฐบาลที่ 4 นายกรัฐมนตรี ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อะไรเกิดขึ้น  ความเสียหายต่อแผ่นดินนับแสนล้าน ตระกูลชินวัตร จะรับผิดชอบไหม ?

พิภพ ธงไชย

อกีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
23 กย.2560


เมื่อเรื่องมาถึงตรงนี้ อาจไม่จำเป็นต้องสรุปเสียแล้ว เพราะทั้งข้อเขียนของคุณสุเทพ หรือข้อความจาก อดีตแกนนำพันธมิตรฯ รุ่นแรกอย่างนายพิภพ ธงไชย ก็ชัดพอที่ระบุได้แล้วว่า แท้จริงใครคือ ...ไอ้โม่งคนสั่งปิดสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วโยนผิดพันธมิตรฯ และต่อให้ไม่ต้องเอาคำสารภาพของนายเสรีรัตน์ กลางศาลแพ่งวันนั้นมารวมก็ชัดโดยตัวเองอยู่ดี...และนี่คืออีกหนึ่งความจริงที่คนไทยควรรู้ว่า...ใครโยงใยการสั่งปิดสนามบิน...และมีเหตุผลลึก ๆ นั้น...เพื่ออะไรกันแน่??

 

อย่างไรก็ตาม ทางแกนนำของฝ่ายพันธมิตรฯ ก็ยืนยันแล้วว่า พวกเขาน้อมรับคำตัดสินของศาลฯ แม้จะต้องชดใช้เป็นจำนวนเงินมหาศาลก็ตาม และจะยังต่อสู้โดยใช้ช่องทางตามกฎหมายต่อไป

 

ขอบคุณพิเศษ : ข้อมูลจากทุกท่านที่เอ่ยนาม