นี่ก็ใกล้ถึงฉากสุดท้ายเต็มที! "ลูกโอ๊ค"ส่อกระอัก"อัยการ"ยันคดีฟอกเงินพบพิรุธอื้อ แถมความพยายามยื้อลากคนอื่นมาเอี่ยว-ไร้ผล คาดเดือน ต.ค.นี้จบ

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th


นี่ก็ใกล้ถึงฉากสุดท้ายเต็มที!! "ลูกโอ๊ค" ส่อกระอัก "อัยการ"  ยันคดีฟอกเงินพบพิรุธอื้อ แถมเคยเอ่ยปากก่อนสิ้นกันยาฯ สรุปคดีได้แน่ ขณะ "ลูกโอ๊ค" ดิ้นเฮือกสุดท้าย ส่งทนายยื่น DSI ขอความเป็นธรรม อ้างไม่รู้เช็ค 10 ล้านที่ได้รับมาจากการกระทำความผิด และไม่มีเจตนาซุกซ่อนอำพราง ขณะความพยายามยื้อลาก 200 คนมาเอี่ยว-ดูจะไม่เป็นผล โดยอัยการระบุ  ศาลฎีกาฯ ได้ตัดสินไปก่อนหน้าแล้วว่า พบความผิดปกติของเงิน 2 ก้อน ซึ่งมีชื่อนายพานทองแท้ และนางเกศิณี เท่านั้น

 

วันนี้ (2 ต.ค.)  ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีคดีทุจริตเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ซึ่ง พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ได้มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งได้แก่ นายพานทองแท้ ชินวัตร และพวก ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยาฯ ที่ผ่านมา และสื่อทุกสำนักรายงานมาเป็นระยะนั้น

 
ล่าสุดต่อกรณีนี้ นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษ ฝ่ายการสอบสวน 3 ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในคดีดังกล่าว ได้ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดกรณีนี้ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่พนักงานสอบสวน DSI กำลังทำหนังสือ เพื่อออกหมายเรียกนายพานทองแท้ มารับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน คาดว่าจะเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ เรื่องนี้เป็นผลมาจากเจ้าหน้าที่ ปปง. ได้มาให้การข้อมูลคดีดังกล่าวเมื่อช่วงกลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา

ส่วนกรณีที่มีผู้มายื่นขอความเป็นธรรมให้กับนายพานทองแท้ก่อนหน้านี้  ซึ่งต้องการให้สอบสวนเพิ่มอีกกว่า 150 คน โดยอ้างว่าเกี่ยวข้องกับเงินดังกล่าวด้วยนั้น นายขจรศักดิ์ ระบุว่า คดีนี้เนื่องมาจากคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ที่ตัดสินไปก่อนหน้านี้ว่าพบความผิดปกติของเงิน 2 ก้อน เช็คจำนวน 26 ล้าน และ 10 ล้านบาท ซึ่งมีชื่อนายพานทองแท้ และนางเกศิณี เท่านั้นที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เจ้าตัวจะต้องมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และพิสูจน์ให้ได้ว่าเงินดังกล่าวได้มาโดยบริสุทธิ์และชอบธรรม

 

"การคืนเงินหรือไม่คืนเงินที่กระทำความผิดเป็นเรื่องคดีแพ่ง ส่วนคดีอาญามีความผิดตั้งแต่ทำผิดสำเร็จ ไม่ว่าเป็นจำนวนเงินมากหรือน้อย ซึ่งพฤติกรรมจะเป็นเครื่องชี้เจตนา ดังนั้น ผู้รับเงินจะต้องชี้แจงความผิดปกติให้ได้ว่าเงินดังกล่าวได้มาจากการทำธุรกิจอะไรจึงได้รับเงินจาก นายวิชัย กฤษดาธานนท์ รวมทั้งพบความผิดปกติเส้นทางการเงินอีกหลายประการด้วย" นายขจรศักดิ์ ระบุ


 

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ในช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายขจรศักดิ์ได้เคยออกมาเปิดเผยครั้งหนึ่งแล้วว่า  ก่อนหน้าที่ทางคณะทำงานสอบสวน DSI จะเรียกนายพานทองแท้ กับพวก มารับทราบข้อกล่าวหา ทางคณะทำงานสอบสวนจะเรียกเจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ง. มาสอบเพิ่มในบางประเด็นที่ไม่สมบูรณ์ เพื่อความรอบคอบของสำนวน และเมื่อการสอบสวนครบถ้วนแล้ว จากนั้นจึงจะเรียกนายพานทองแท้ มารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป พร้อมกันนี้ยังระบุด้วยว่า พนักงานสอบสวนน่าจะสรุปผลการสอบปากคำเพิ่มเติม แล้วสามารถสรุปคดีฟอกเงินจากการปล่อยกู้กรุงไทยฯ นี้ได้ในเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมา


อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้มายื่นขอความเป็นธรรมให้กับนายพานทองแท้ตามที่ นายขจรศักดิ์ ระบุนั้น ได้แก่ นายชุมสาย ศรียาภัย ทนายความของนายพานทองแท้ ซึ่งได้เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ในวันที่ 28 กันยายน หรือเมื่อ 3-4 วันก่อน เพื่อขอความเป็นธรรมในคดีฟอกเงินดังกล่าว โดยอ้างว่าไม่รู้ว่าเช็คจำนวน 10 ล้านที่ได้รับ มาจากการกระทำความผิด และไม่มีเจตนาซุกซ่อนอำพรางตามความผิดของ พ.ร.บ.ฟอกเงิน รวมทั้งขอให้สอบเพิ่มพยานอีกกว่า 200 ปาก โดยอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินดังกล่าวด้วย