อดีตสส.ประชาธิปัตย์ “สมควร” โดนคุก 2เดือน -ตัดสิทธิ์การมือง 5ปี ยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ!!??

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2560 ในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ร้อง นายสมควร โอบอ้อม อดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้คัดค้าน

 

 

ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุกนายสมควร  กรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ ภายหลังพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ครบ 1 ปี ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และ 33 ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. 2554 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท 

 

ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56

 

ทั้งนี้ในสำนวนการไต่สวนของศาลฎีกาฯ ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พบว่า นายสมควร ไม่แสดงรายการเงินลงทุนในหุ้นบริษัท โอบอ้อมอุตสาหกรรม (1994) จำกัด จำนวน 85,300 หุ้น ที่มีนายเอกชัย พวงเพ็ชร เป็นผู้ถือหุ้นแทน โดยอ้างว่า น.ส.ภัทรภร โอบอ้อม บุตรสาวนายสมควร ได้กู้ยืมเงินนายเอกชัย เพื่อนำมาใช้จ่ายในกิจการบริษัท บริษัทจึงให้นายเอกชัยมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นดังกล่าวแทน เพื่อเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงิน และด้วยความพลั้งเผลอไม่รอบคอบ จึงระบุในบัญชีทรัพย์สินเฉพาะจำนวนหุ้นตามบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น โดยมิได้มีเจตนาจะปกปิดหรือซ่อนเร้นไม่ชี้แจงให้ผู้ร้องทราบ 

อย่างไรก็ดีศาลฎีกาฯเห็นว่า คำชี้แจงของผู้คัดค้านเป็นการง่ายแก่การกล่าวอ้าง และไม่มีเหตุผลเพียงพอให้รับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านไม่มีเจตนายื่นบัญชีทรัพย์สิน โดยปกปิดเงินลงทุนจำนวนมากต่อผู้ร้อง ทั้งในชั้นพิจารณาผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้คัดค้านไม่ใส่ใจต่อหน้าที่อันสำคัญของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัด ในการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งเป็นมาตรการที่กฏหมายบัญญัติเพื่อให้เกิดการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงฟังได้ว่า ผู้คัดค้านจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ