อนาถ!!"ก.ศึกษา"จ้องตัดงบฯ บีบเลิก"ร.ร.วิถีพุทธ-โครงการเยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง" เผยงบสุดช็อค!! เฉลี่ยแค่1,863 บาทต่อปี-ร.ร. !!??

อนาถ!!"ก.ศึกษา"จ้องตัดงบฯ บีบเลิก"ร.ร.วิถีพุทธ-โครงการเยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง" เผยงบสุดช็อค!! เฉลี่ยแค่1,863 บาทต่อปี-ร.ร. !!??

วดวง"การศึกษาไทย"ส่อแววน่าเป็นห่วง โดยมีกระแสข่าวมาว่า "กระทรวงศึกษาธิการ" จ้องจะตัดงบประมาณ โครงการโรงเรียนวิถีพุทธ และโครงการ "เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง” ที่ทำต่อเนื่องมาหลายปี ซึ่งผู้ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าว ก็คือคุณ วิรังรอง ทัพพะรังสี อดีต นิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.) ได้เสนอความคิดเห็นไว้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว ระบุว่า...
 
ถึง นพ. ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมต. ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ....เคยอ่านผ่านตาเมื่อไม่นานมานี้ ว่ามีผู้เขียนบทความที่ดีบทหนึ่ง เกี่ยวกับว่า ขอให้คนไทยอย่ากล่าวคำว่ารักในหลวงแต่ปาก ให้ลงมือกระทำด้วย วันนี้ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นวันที่เราออกทุกข์กันเป็นวันแรก จึงไม่อยากให้มีเลย...คนไทยที่บอกรักในหลวงเพียงลมปาก แต่กระทำตรงกันข้าม....ถ้า นพ. ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมต. ว่าการกระทรวงศึกษาฯ ไม่มีนโยบายจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสมให้แก่โครงการดีๆ เช่น โครงการ "เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง” ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืนแล้ว ดิฉันก็รู้สึกว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่มีท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ และดิฉันไม่มีความไว้วางใจที่จะฝากอนาคตของชาติไว้กับท่านได้ ถ้าเป็นไปได้ จึงอยากเสนอขอให้ท่านนายกฯ รัฐมนตรี...ปรับเปลี่ยนรมต. ว่าการกระทรวงศึกษาฯ โดยเร็ว....

 

อนาถ!!"ก.ศึกษา"จ้องตัดงบฯ บีบเลิก"ร.ร.วิถีพุทธ-โครงการเยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง" เผยงบสุดช็อค!! เฉลี่ยแค่1,863 บาทต่อปี-ร.ร. !!??

 

ภาพโพสที่แชร์วนมาอีกรอบนี้ ได้โพสไว้เมื่อสองปีที่แล้ว ปีนี้ได้เวลาแชร์วนกลับมาพอดีกับเรื่องสำคัญมากที่อยากสื่อออกไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่า.......ท่านอาจารย์ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ได้เขียนรัฐธรรมนูญ โดยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๖๗ ว่า "รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา...” ดิฉันขอทวงถามนพ. ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ในฐานะรมต.ว่าการกระทรวงศึกษาฯ ถึงจุดยืนของท่านในอันที่จะสนับสนุนและส่งเสริมโครงการของกระทรวงศึกษาฯ ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่าท่านรมต.ได้กำหนดนโยบายของกระทรวงศึกษาฯ ในเรื่องดังกล่าวนี้ไว้บ้างหรือไม่ อย่างไรบ้าง
วันนี้ การศึกษาไทยน่าเป็นห่วง ไม่เพียงแต่ปัญหาเด็กที่อ่านหนังสือไม่ออกมีจำนวนสูงขึ้น ที่สำคัญการพัฒนาจิตใจและปัญญาอันเป็นรากฐานของคนดีดูเหมือนว่าอาจไม่ได้รับความสนใจอย่างจริงจังจากผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาฯ เนื่องจากการตัดงบประมาณภายในของกระทรวงฯ มุ่งตรงไปตัดงบฯ โครงการโรงเรียนวิถีพุทธ และโครงการ "เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง” ที่ทำต่อเนื่องมาหลายปี

 

อนาถ!!"ก.ศึกษา"จ้องตัดงบฯ บีบเลิก"ร.ร.วิถีพุทธ-โครงการเยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง" เผยงบสุดช็อค!! เฉลี่ยแค่1,863 บาทต่อปี-ร.ร. !!??

โรงเรียนวิถีพุทธทั่วประเทศที่ได้ลงทะเบียนไว้มีจำนวนประมาณ ๒๒,๐๐๐ โรงเรียน งบประมาณประจำปีพ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ตั้งขอไว้คือประมาณ ๔๑ ล้านบาท บวกลบคูณหารแล้วเฉลี่ยโรงเรียนละเพียงแค่ประมาณ ๑,๘๖๓ บาท/ปี แต่มีข่าวว่า มีความพยายามในการตัดงบฯ ภายในกระทรวงศึกษาฯ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการหลัก ๒ โครงการนี้ ให้เหลือเพียงประมาณ ๒ ล้านกว่าบาท ซึ่งคิดคำณวณแล้วจะเหลือเพียงโรงเรียนละประมาณ ๑๐๐ บาท/ปีเท่านั้น!!!!

๑๐๐ บาทต่อ ๑ ปี/โรงเรียน....ค่าอาหารรับรองผู้หลักผู้ใหญ่หรือค่าน้ำมันรถประจำตำแหน่งรัฐมนตรีวันเดียวถ้าต้องเดินทางไปราชการยังน่าจะมากกว่านี้....ถ้ากระทรวงศึกษาฯ “คิดว่า” งบประมาณที่เคยได้รับตลอดมานั้นน้อยเกินไป ไม่พอที่จะสนับสนุนโครงการดีๆ เพื่อส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนและอบรมให้เป็นคนดี อันเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบหลักของกระทรวงศึกษาฯ แล้ว ก็น่าที่จะตัดงบฯ ค่าเดินทางของผู้บริหารออกเสียบ้าง เช่นให้รัฐมนตรีเสียสละนั่งรถยนตร์แทนเครื่องบินบ้างหากต้องไปราชการต่างจังหวัดไกลๆ ทั้งนี้เพื่อความพอเพียงตามแนวพระราชดำริ เพราะก็ถึงที่หมายเหมือนกันแค่เสียเวลาเดินทางมากกว่าและสะดวกสบายน้อยกว่าเท่านั้น..... หากกระทรวงศึกษาฯ มีนโยบายที่จะตัดงบประมาณดังว่านี้จริง...ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเกลียดที่สุดเรื่องหนึ่งตั้งแต่เคยมีรัฐบาลมา เพราะถ้าตัดงบฯ ๒ โครงการนี้จาก ๔๑ ล้านบาทเหลือเพียง ๒ ล้านบาท ก็จะทำให้โครงการหลักทั้ง ๒ โครงการนี้ไม่อาจดำเนินต่อไปได้ เพราะงบฯ น้อยจนไม่สามรถทำอะไรได้อย่างจริงจัง เท่ากับเป็นการบีบให้ปิดหรือยุบโครงการไปโดยปริยายนั้นเอง โครงการใดๆ ที่ได้รับงบฯ น้อย ไม่ว่าในหน่วยงานใดก็ตาม มักไม่ค่อยมีใครอยากทำโครงการนั้น หรือแม้หากจะพยายามทำต่อไปไม่ยอมปิดหรือเลิกโครงการ ก็ทำงานไม่ได้อยู่ดี

หวังว่านี้จะไม่เป็นเล่ห์กลที่บีบให้เลิก รร.วิถีพุทธ และ โครงงานคุณธรรม "เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง" ที่ทำต่อเนื่องจริงจังมาสิบกว่าปีโดยใช้งบประมาณอย่างประหยัดมากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆ ของกระทรวงศึกษาฯ เช่นโครงการ อบรมครู ที่ครูเรียกกันว่า "โครงการคูปองอบรมครู” ซึ่งได้ยินมาว่ากระทรวงฯ จัดสรรงบฯ ปี ๒๕๖๐ เพื่อใช้ทำโครงการให้แล้วเสร็จภายในเวลา ๔ ดือนสุดท้ายของปีงบพระมาณถึง ๔ พันล้านบาท แต่ที่สุดแล้วก็ได้ใช้ไปแค่ ๑ พันกว่าล้านบาท (ใช้ไม่หมด) เพราะเป็นโครงการใหญ่ต้องอาศัยเวลาในการวางแผนและดำเนินงาน ทำไปทำมามีเวลาใช้จริงแค่ ๒-๓ เดือนก็สิ้นปีงบประมาณและโครงการก็ยังไม่แล้วเสร็จ!!!!! ทำให้ดิฉันสงสัยว่า การที่โครงการ รร. วิถีพุทธ และโครงการคุณธรรม "เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง” อาจจะโดนตัดงบฯ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ จนแทบไม่เหลือให้ทำงานได้ ก็เพราะอาจมีความต้องการรีดงบฯ ปีหน้าไปให้ โครงการอบรมครู ๔,๐๐๐ ล้านบาทที่ยังไม่ปิดโครงการ ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาสนับสนุนนั้นเองใช่หรือไม่คะ

 

อนาถ!!"ก.ศึกษา"จ้องตัดงบฯ บีบเลิก"ร.ร.วิถีพุทธ-โครงการเยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง" เผยงบสุดช็อค!! เฉลี่ยแค่1,863 บาทต่อปี-ร.ร. !!??

 

ทั้งนี้ท่านผู้อ่านก็อย่าได้ไปลงที่รัฐบาล หรือท่านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรมต. นะคะ เพราะดิฉันได้ยินมาว่า ทางสำนักนายกฯ ได้เคยมีหนังสือทวงถามกระทรวงศึกษาฯ เรื่องความคืบหน้าโครงการการศึกษาวิถีพุทธฯ ที่ได้ผ่านมติครม. เรียบร้อยหลายเดือนแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะกระทรวงศึกษาไม่มีผลงานความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ท่านนายกรมต. จึงได้รับคำตอบกลับไปประมาณว่า....อยู่ในช่วงเปลี่ยนปีงบประมาณ เลยยังไม่ได้ทำอะไร... (คงอาจลืม"โครงการคูปองอบรมครู” ที่เร่งใช้งบฯ ๔ พันกว่าล้านบาทภายในสองสามเดือนก่อนสิ้นปีงบประมาณปี ๒๕๖๐ ไปนะคะ) แต่พอคล้อยหลังที่ถูกท่านนายกฯ ทวงถามไม่นาน กลับมีความพยายามบีบตัดงบประมาณรร. วิถีพุทธเสียนี่

อีกประการหนึ่งคือ บางหน่วยงาน.... นี้ไม่ได้เจาะจง สพฐ. หรือหน่วยงานใดเป็นการเฉพาะนะคะ หน่วยไหนเป็นอย่างที่ดิฉันจะกล่าวต่อไปนี้ก็คงทราบเองว่าดิฉันหมายถึงหน่วยไหน ส่วนหน่วยงานไหนที่ไม่เป็นก็นับว่าเป็นตย.ที่ดีค่ะ.... คือว่าบางหน่วยงานของรัฐ จะชอบทำโครงการแบบอีเว้นท์ผิวเผิน เป็นโครงการล้างผลาญงบประมาณแผ่นดินเยอะๆ แต่ไม่เกิดผลจริงจัง ได้ผลงานแบบผักชีโรยหน้า หรือลิงหลอกเจ้า ภาษานักวิชาการเรียกว่า เป็นโครงการที่ไม่มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ แต่คนมักจะแย่งกันทำงานแย่งกันรับผิดชอบเพื่อแย่งกันเอาหน้า-เอาใจนาย และยังมีงบฯ ให้เล่นแร่แปรธาตุได้กันอย่างล่ำซำ ส่วนงานเพื่อการพัฒนาจริงจังอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน ประหยัด จะไม่ค่อยมีคนอยากรับผิดชอบ เคยได้ยินว่าเป็นเพราะโกงกินยาก แถมไม่ได้หน้าเอาใจนายอีก แต่ท่านผู้อ่านลองตรองดู...การทำแบบนี้ เงินภาษีของประชาชนส่วนใหญ่มักหมดไปให้กับผู้จัดงานอีเว้นท์และการบริหารจัดการซึ่งทำกันแบบรีบๆ แบบเหมายกเข่ง ซี่ง อาจกล่าวได้ว่าเกิดขึ้นดาษดื่นทุกยุคทุกสมัย

โครงการโรงเรียนวิถีพุทธและโครงการ"เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง” ชื่อก็บอกแล้วนะคะ ว่าเป็นโครงการที่จะสอนเยาวชนให้เป็นคนดีมีคุณธรรม มีปัญญา โครงการแบบนี้ผู้ที่ทำโครงการก็ต้องมีคุณธรรมด้วย นอกจากงบประมาณที่มักจะได้มาไม่มากแล้ว การจะโกงกินตุกติกอะไรก็ไม่ง่าย เมื่อเป็นเช่นนี้ในฐานะประชาชนดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ดิฉันจึงรู้สึกแปลกใจที่ได้ยินมาว่าโครงการหลักทั้ง ๒ นี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหาร สพฐ. เท็จจริงประการใด ถ้ามีโอกาสก็อยากขอพบท่านผู้บริหารสพฐ. เพื่อให้ท่านบอกกล่าวเล่าชี้แจงเหตุผลความเป็นจริงให้ฟังบ้าง เช่น อาจถามท่านว่า ท่านไม่สนับสนุนโครงการเหล่านี้จริงหรือไม่ เพราะเหตุใด หรือท่านได้รับความกดดันจากผู้บริหารระดับสูงกว่ามาอีกต่อหนึ่ง ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะได้ขอเรียนถามผู้บริหารระดับสูงขึ้นๆ ต่อไปอีกในฐานะประชาชนชาวพุทธที่มีสิทธิและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญซึ่งบัญญัติไว้ในมาตรา ๖๗ ว่า"รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดําเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย”

วรรคท้ายขีดเส้นใต้สามเส้นค่ะ ....”....พึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดําเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย"

อนึ่ง พุทธศาสนาจะอยู่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับการศึกษาและการปฏิบัติ เมื่อไม่มีการศึกษาและปฏิบัติ พระพุทธศาสนาก็ทรงอยู่ไม่ได้ การปลูกฝังให้เยาวชนไทยได้ศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนในทางพระพุทธศาสนาผ่านโครงการ รร. วิถีพุทธและโครงการ "เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง” จึงเป็นเรื่องที่ผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงศึกษาฯ กล่าวคือ นพ. ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ควรเข้าใจและแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนตั้งแต่ขั้นนโยบายเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ แต่หากกระทำตรงกันข้าม กล่าวคือไม่สนับสนุนโครงการที่ส่งเสริม พัฒนาจิตใจและปัญญา อันมีเครื่องมือที่จะทำได้ คือ การศึกษาวิถีพุทธ นั้นเอง ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ในรัฐธรรมนูญอันเป็นกม. สูงสุดของประเทศ และนับว่าเป็นวิบากกรรมการศึกษาไทย ที่ไม่อาจปฏิรูปให้ดีอย่างยั่งยืนได้ การศึกษาไทยจึงถอยลงๆ ตามจำนวนรัฐมนตรีที่เปลี่ยนบ่อยๆ

กราบนมัสการพระคุณเจ้า กราบท่านอาจารย์ พี่น้องเพื่อนพ้อง อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายที่ติดตามเฟซวิรังรอง ว่าคงถึงเวลาแล้วที่เราจะได้ทดลองใช้รัฐธรรมนูญมาตรา ๖๗ กับกระทรวงศึกษาฯ โดยเราจะเริ่มจากเบาไปหาหนัก แบบสันติวิธี ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ ขั้นแรกคือ ถ้าเห็นด้วยว่ากระทรวงศึกษาควรส่งเสริมและจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสมเพื่อสืบสานโครงการโรงเรียนวิถีพุทธและโครงการ"เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง” ก็ขอให้ช่วยดิฉันเผยแพร่บทความนี้ออกไปในวงกว้าง เพื่อให้คนไทยได้รับทราบข้อมูลที่ดิฉันได้นำมาบอกเล่าในวันนี้ ท่านใดที่มีความรู้ความสามารถหรือมีอำนาจนหน้าที่ที่จะช่วยปรับทิศทางให้กระทรวงศึกษาฯ หันทิศทางไปในทางที่ถูกที่ควรเพื่อสนองนโยบายรัฐบาลและรัฐธรรมนูญ ขอได้โปรดดำเนินการในทุกวิถีทางค่ะ...

ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

วิรังรอง ทัพพะรังสี
ประธาน กลุ่มปฏิรูปการศึกษา เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.)

๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐