- 05 ธ.ค. 2560
ลองดูไม่เสียหาย !! ไพศาลแนะวิธีแก้ปัญหาราคายาง ต้องเจรจากับจีน เชิญผู้แปรรูปยางพาราทั่วโลกตั้งโรงงานในไทย ไม่ใช่คิดแต่จะส่งยางดิบออกเหมือน
ราคายางที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องแก้ ซึ่งขณะนี้ชาวสวนยางกว่า 1.6 ล้านครัวเรือน กำลังได้รับผลกระทบปัญหาราคาตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 40-43 บาท จากราคาต้นทุนกิโลกรัมละ 63-65 บาท โดยเมื่อช่วงเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาแกนนำและเครือข่ายสวนยาง 9 องค์กรทั่วประเทศ ประกาศบุกเข้ากทม. เพื่อกดดันรัฐบาลและยื่นข้อเรียกร้องต่อ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นทางรัฐบาลและคสช. ได้ให้ทหารคุมตัวแกนนำชาวสวนยาง จ.พัทลุง-ตรัง เข้าค่ายทหารพูดคุยทำความเข้าใจ เพื่อไม่ให้เดินทางไปชุมนุมหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ด้าน นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ชี้แจงสถานการณ์ยางพาราว่า ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคมของทุกปี เป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ทั้งตลาดในประเทศไทย และตลาดต่างประเทศ โดยกลุ่มประเทศผู้ผลิตยางรายใหม่ เช่น กัมพูชาผลผลิตเพิ่มขึ้น 33.1%, อินเดีย เพิ่ม 21.0% และเวียดนามเพิ่มขึ้น 11.3% ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงมาจากปริมาณผลผลิตและความต้องการใช้ยางไม่สมดุลกัน จึงทำให้ราคาขายในกลุ่มประเทศผู้ผลิตหลักทั้งไทย, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ราคาลดลง
โดยวานนี้ เวลา 13.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหายางพาราว่า วันนี้ได้มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ดูมาตรการต่างๆร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ ภายใต้ปัจจัยต่างๆทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ ในส่วนความร่วมมือสามประเทศหลักในการผลิตยางที่เราผลิตมากที่สุด ซึ่งต้องมีการหารือว่าจะทำกันอย่างไรในเรื่องการลดจำนวนในการนำส่งออก เพื่อให้ราคาสูงขึ้น ซึ่งบ้านเราปัญหาคือคนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพสวนยางในขณะนี้ต้องไปหามาตรการเสริม ว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร ตนไม่อยากให้เดือดร้อนทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามด้านนายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาราคายางพาราว่า ตนเตรียมเชิญบรรดาแกนนำยางพารา มาพูดคุยให้ได้ในสัปดาห์นี้ ส่วนจะมีรายละเอียดออกมาชัดเจนอย่างไรนั้น ขอหารือพูดคุยกับทั้งผู้ผลิต เกษตรกรชาวสวนยาง และคนที่เข้ามาบริหารจัดการ เช่น การยางแห่งประเทศไทย หรือผู้รับซื้อให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะมาแจ้งความคืบหน้าให้ทราบ
ขณะที่ด้านนายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า จะบอกให้ความคิดใดๆ ในการแก้ปัญหาราคายาง ที่จะให้ไปเจรจากับมาเลเซียและอินโดนีเซียนั้น ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงแล้ว เพราะข้อเสนอนี้ หมายความว่า จะให้ไทย ตกลงกับประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่ เพื่อจะต่อรอง กับประเทศผู้รับซื้อ เพื่อดึงราคาให้สูงขึ้น ขอบอกว่าไม่ได้ผลหรอกครับ ผู้ซื้อยางรายใหญ่ของโลกเวลานี้คือจีน ซื้อไปแปรรูปที่ซานตงและเสฉวนเป็นหลัก เขาจัดระบบป้องกัน การฮั้วขายเรียบร้อยแล้วโดยจัดระบบสำรองยางไว้ เป็นจำนวนมหาศาลที่แม้ไม่ซื้อยางเลยในปี 2 ปีเขาก็มีใช้ ซึ่งฝ่ายผู้ผลิตจะเดือดร้อนเอง หากจะแก้ราคายางจึงต้องเจรจากับจีน และในระยะยาวประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งส่งเสริมการแปรรูปยางพาราในประเทศไทยเองโดยเชื้อเชิญผู้แปรรูปยางพาราทุกชนิดทั่วโลก เข้ามาตั้งโรงงานแปรรูปในประเทศไทย ไม่ใช่คิดแต่จะส่งออกยางดิบเหมือนสมัย 100 กว่าปีก่อน ถ้าไม่ทำ 2 อย่างนี้ไม่มีทางแก้ปัญหาราคายางได้ และผมยังไม่เห็นเลยว่ามีใครที่จะไปเจรจาเรื่องนี้กับจีน