จับตาการทำงาน “ป.ป.ช.”ปมฉาว “นาฬิกาหรู” จาก”บิ๊กป้อม”สู่”ยิ่งลักษณ์”ติดตามบทสรุปสุดท้าย “ป.ป.ช.”จะพ้นคำครหาหรือไม่?

ตกเป็นเป้า สายตาอีกครั้ง สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ในวันถ่ายภาพหมู่ของ ครม.ชุดใหม่ เมื่อวันที่ 4 พ.ย.60ที่ผ่านมานั้น ที่บังเอิญได้ยกมือกันแดดที่ส่องเข้าตา ซึ่งจู่ก็มีวิบวับวาว แทงตาผู้สื่อมวลชน เพราะแสงไปกระทบกับแหวนเพชร ของ พล.อ.ประวิตร จนเป็นประกาย เป็นประเด็นขึ้นมา ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า เป็นของเก่า และมีน้ำหนักเพียง 1กะรัต!!

และก็ได้ออกมานั่งยัน นอนยัน “ไม่ทราบว่าจะวิจารณ์กันทำไมมากมาย นาฬิกาและแหวนเป็นของเดิมที่เคยใส่เป็นประจำ”!!  แต่กลับไม่ปรากฏรายชื่อทรัพย์สินและหนี้สิน ที่แจ้งกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  ทั้ง4 ครั้ง ตั้งแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปี 2551 จนถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปี57 มีทรัพย์สินรวมกว่า 87 ล้านบาท แต่ไม่เคยมีนาฬิกายี่ห้อดังกล่าวปรากฏอยู่แม้แต่ครั้งเดียว

โดยก่อนหน้านี้ทาง คณะกรรมการป.ป.ช. ซึ่งที่ประชุมได้มีมติตามระเบียบของป.ป.ช.นั้น พล.อ.ประวิตร ต้องทำหนังสือชี้แจงเป็นรายลักษณ์อักษรต่อป.ป.ช.ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือ

ล่าสุด (9 ธ.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์ ได้กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติให้ชี้แจงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีที่สังคมให้ความสนใจการสวมใส่นาฬิการิชาร์ด มิลล์ และแหวนเพชรโดยที่ไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินว่า ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เรื่องนี้ไม่มีอะไร จบแล้ว
"ผมก็ต้องชี้แจงกรณีดังกล่าวอยู่แล้ว โดยผมอาจจะทำหนังสือชี้แจงรายละเอียด และข้อเท็จจริงไปยัง ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กำหนด" 

 

จับตาการทำงาน “ป.ป.ช.”ปมฉาว “นาฬิกาหรู” จาก”บิ๊กป้อม”สู่”ยิ่งลักษณ์”ติดตามบทสรุปสุดท้าย “ป.ป.ช.”จะพ้นคำครหาหรือไม่?

แต่ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.60 ที่สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช. นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ในฐานะรักษาราชการเลขาธิการป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียด “นาฬิกาหรู” ราคาเรือนละ 2.5 ล้านบาทในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ว่า "ขณะนี้สรุปสำนวนเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของทางอนุกรรมการไต่สวน"

ทั้งนี้จึงเกิดข้อครหาขึ้นมาในสังคม ต่อการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. โดยเฉพาะกับตัวประธานปชช. พล.ต.อ.วัชรพล  ประสารราชกิจ มีความสนิทสนุมคุ้นเคยกับพล.อ.ประวิตรกันมาเป็นอย่างดี

ในอดีตที่ผ่านมาพล.ต.อ วัชรพล นั้นเมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผบ.ตร.ในยุคที่พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของพล.อ.ประวิตร เป็นผบ.ตร.ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งต้องถือว่าเป็นตำแหน่งที่ต้องมีความใกล้ชิดกับผบ.ตร.เป็นอย่างยิ่ง!!!
อีกทั้งขณะที่คสช. เข้ายึดอำนาจก็ได้แต่งตั้งให้พล.ต.อ.วัชรพล ขึ้นนั่งตำแหน่งรักษาการ"ผบ.ตร."แทน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ต่อมาเมื่อเกษียณอายุราชการพล.ต.อ.วัชรพล ก็มาเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีของ"พล อ ประวิตรวงษ์สุวรรณ" จากนั้นก็ได้ลาออก เมื่อได้รับเลือกเป็น"ประธานปปช."

ในช่วงการรับตำแหน่ง ประธานปปช.ใหม่ๆ พล.อ.ประวิตร เคยให้สัมภาษณ์ (20ต.ค.58) ถึงการตั้งข้อสังเกตกรณีที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับรัฐบาล เคยดำรงตำแหน่งรองเลขานายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง

พล.อ.ประวิตร ยอมรับว่า พล.ต.อ.วัชรพล เคยทำงานกับตนมาก่อน แต่ยืนยันว่า รัฐบาลไม่เกี่ยวข้อง หรือ สั่งการให้ พล.ต.อ.วัชรพล ไปทำหน้าที่ใน ป.ป.ช.

พล.อ.ประวิตร กล่าว ว่า“ผมไม่มีคดีความใน ป.ป.ช. อยู่แล้ว เมื่อเป็นความต้องการส่วนบุคคล ไม่สามารถห้ามได้ ดังนั้น เรื่องดังกล่าวจึงเป็นการตัดสินใจของคณะกรรมการสรรหา”

 

ดังนั้นสถาการณ์ในขณะนี้ นอกเหนือจากพล.อ.ประวิตรจะถูกกระแสสังคมจับจ้องเป็นพิเศษแล้ว ด้านการทำงานของปปช. ภายใต้ พล.ต.อ วัชรพล ก็คงถูกจับจ้องไม่แพ้กัน!!