ชั้นเชิงเหนือชั้น "ชวน หลีกภัย"ออกโรงครั้งนี้ สะเทือน"อภิสิทธิ์" เสียรังวัด ...ภาวะผู้นำ ??

ชั้นเชิงเหนือชั้น "ชวน หลีกภัย"ออกโรงครั้งนี้ สะเทือน"อภิสิทธิ์" เสียรังวัด ...ภาวะผู้นำ ??

ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นความเคลื่อนไหวจากอดีตนายกรัฐมนตรีคนใต้เมืองตรัง”นายหัวชวน” หรือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ จากที่เก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือการบริหารราชการแผ่นดิน  และนี่คือ นักการเมืองอาชีพ อย่างแท้จริง อาจจะ”คนเดียวในประเทศไทย" ที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติของนักการเมือง แต่เป็นมากกว่านักการเมือง

 

ต่อเนื่องจากการส่งจมหมายถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  เพื่อสะท้อนปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องภาคใต้ และชาวไทยทั่วประเทศ มีความเดือดร้อน ลำบากยากเย็นเพียงใด   

 

การเคลื่อนไหวอันหลักแหลมของนายชวน   แน่นอนว่าไม่ใช่ป่าวประกาศ หรือแถลงข่าวโจมตี เหน็บแหนม คสช. ไม่มีข้อความใดที่ดิสเครดิตรัฐบาล ไม่สร้างวาทะกรรม สอดเสียดใดๆ  หากแต่นายหัวชวนใช้ข้อมูล สติตัวเลขข้อเท็จจริง  รายได้ที่ลดลงแสดงอย่างมีนัยยะ ด้วยถ้อยคำที่แสดงถึงความรู้จริง  อย่างความสุภาพ 

ตอกย้ำด้วยประโยค ที่ได้ใจคนไทยทั้งประเทศ !! 

“เป็นหน้าที่ของเรา เพราะเห็นอยู่ตำตาว่าชาวบ้านประสบปัญหา ก็นิ่งเฉยไม่ได้ ถึงแม้ไม่มีสภา แต่เราก็เป็นผู้แทนของเขา”

 

ต่อมาวันที่ 10 ธันวาคม นายชวน  ได้ไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ ซึ่งนอกจากจะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเด็นการเมืองรายวัน เช่น เรื่องการปลดล็อกพรรคการเมือง  ซึ่งนายชวนได้แสดงทัศนคติ อย่างสมศักดิ์ศรี “อดีตนายกรัฐมนตรี” ว่า...

 

ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องให้รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจปลดล็อกกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการเมือง เพราะรัฐบาลจะเป็นผู้พิจารณาเองว่าจะปลดล็อกภายใต้เงื่อนไขเวลาที่เหมาะสม อย่างไรหากมีปัญหาใดเกิดขึ้น ฝ่ายผู้มีอำนาจก็จะเป็นฝ่ายรับผิดชอบ

 

ต้องบอกว่า ชัดเจนสะยิ่งกว่าชัด ก่อนหน้านี้ นักการเมืองแทยพรรค ต่างดาหน้าออกมาเรียกร้อง เป็นทิวแถว ให้ปลดล็อกการเมือง  แม้กระทั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนปัจจุบัน ก็เคยออกมา จี้ คสช. ปลดล็อค ปล่อยผีนักการเมืองมาแล้ว

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปปัตย์กล่าวก่อนให้ข้อเสนอแนะกับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมืองว่า ส่วนตัวเห็นว่า ควรใช้ช่วงเวลาพิเศษนี้ในการปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้งในบางประเด็นทั้งมาตรฐานการแข่งขันทางการเมืองการแก้ไขปัญหาการทุจริต โดยควรเริ่มจากนักการเมืองในปัจจุบันและควรมีแนวทางทำความเข้าใจร่วมกัน ควรเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง คสช. นักการเมือง เอ็นจีโอ และสื่อได้แลกเปลี่ยนความเห็นและจัดทำแผนปฏิรูปเร่งดวนทางการเมือง เพื่อทำให้บรรยากาศทางการเมืองผ่อนคลายพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง

 

นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า การจะปฏิรูปการเมืองได้ นอกจากจัดทำกติกาแล้ว ต้องมีมารยาททางการเมืองด้วย ซึ่งคงตอบได้ยากว่าบรรยากาศในขณะนี้พร้อมสำหรับการเลือกตั้งหรือไม่ เพราะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของพรรคการเมือง “แต่ทางที่ดีที่สุดควรเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมพรรคเพื่อนำเสนอแนวทางปฏิรูปประเทศได้”!! ขณะเดียวกัน คสช.ต้องทบทวนปฏิรูป 3 ปี แต่ไม่มีใครทราบถึงทิศทางการปฏิรูปที่ชัดเจน

 

ทั้งนี่เมื่อเปรียบเทียบ ทัศนคติมุมมองการเมือง อันหลักแหลม ของ2 อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่าง นายชวนกับนายอภิสิทธิ์  ลีลาชั้นเชิงต่างกันพอสมควร ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่มีกระแสคลื่นใต้น้ำ ในพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะกลับมาอีกครั้ง หากมีการเปลี่ยนตัว ไม่แน่ นายชวน  อาจจะต้อง  “คัมแบ็ค” รับตำแหน่ง“หัวหน้าพรรค”  แก้ไขวิกฤต ประชาธิปัตย์ เตรียมรับมือการเลือกตั้งครั้งใหม่!!!

 

การขยับครั้งนี้ ของ “ชวน” ได้กระแสตอบรับ”ดี”ทีเดียว จากประชาชนและสื่อมวลชน ขณะที่  “อภิสิทธิ์” ขยับตัวเมื่อไหร่ มักจะมีเสียงวิจารณ์ตามมา เรียกได้ว่าสะเทือนวงการ ประชาธิปัตย์ ทำเอา “อภิสิทธิ์” เสียรังวัดเลยทีเดียว!!