ระวังจะหน้าแตก!! "อภิสิทธิ์"ตีโพยตีพายจวก"คสช."รีเซตสมาชิกพรรค ไม่ตีความให้ดี เตือนก่อนจะแหก!!??

ระวังจะหน้าแตก!! "อภิสิทธิ์"ตีโพยตีพายจวก"คสช."รีเซตสมาชิกพรรค ไม่ตีความให้ดี เตือนก่อนจะแหก!!??

   ยังเป็นกระแสให้พูดถึงไปอีกนาน สำหรับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่  53/2560  เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง วางกรอบเงื่อนไขการดำเนินงานของพรรคการเมืองเก่าและพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งดูเหมือนว่า พรรคที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด น่าจะเป็นพรรคเก่าแก่อายุกว่า70 ปีอย่างพรรคประชาธิปัตย์

   ซึ่งสอง สามวันที่ผ่านมา แกนนำน้อยใหญ่ต่างออกมาแสดงท่าทีต่อต้านมากเป็นพิเศษ ซึ่งดูเหมือนจะมากกว่าพรรคเพื่อไทย เสียด้วยซ้ำ  อาทินายราเมศ รัตนะเชวง  รองโฆษกพรรค นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรค  นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค  และล่าสุด ถึงคิวออกโรงของหัวหน้าพรรค อย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ออกมากล่าวหาว่า การออกคำสั่งครั้งนี้ คสช.มีความพยายามที่จะเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ขยายเวลากรอบโรดแมปเดิมที่วางไว้ ซึ่งการออกมาพูดของนายอภิสิทธิ์ครั้งนี้รุนแรงพอสมควร

ระวังจะหน้าแตก!! "อภิสิทธิ์"ตีโพยตีพายจวก"คสช."รีเซตสมาชิกพรรค ไม่ตีความให้ดี เตือนก่อนจะแหก!!??

   นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า... "ผมก็แปลกใจว่า อะไรที่ทำให้เกิดความไม่เรียบร้อย ทำไมผู้ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ไม่มีความตระหนักหรือ รอบคอบพียงพอที่จะรู้ว่า แผนการที่วางเป็นขั้นตอนด้วยเหตุด้วยผลคืออะไร ผมไม่อยากจะเชื่อว่า ไม่รู้ แต่กลายเป็นว่า อาจจะมีความต้องการอะไรบางอย่าง และถ้ามีความต้องการในเรื่องการเลื่อนการเลือกตั้ง ทำไมไม่มีความกล้าหาญที่จะบอกอย่างตรงไปตรงมา ผมเห็นว่า เป็นชายชาติทหาร อยากจะเลื่อนการเลือกตั้ง"
บางช่วงของการให้สัมภาษณ์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า... ตามคำสั่งที่ออกมา ในเดือนเมษายนนี้ ใครเป็นสมาชิกพรรคเก่ายืนยันและชำระเงิน เพื่อยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคของตนเอง ซึ่งพรรคที่ได้รับผลกระทบก็คือพรรคที่มีสมาชิกอยู่แล้ว โดยเฉพาะพรรคที่มีสมาชิกจำนวนมาก ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกเกือบ 3 ล้านคน การจะติดต่อคน 3 ล้านคน โดยถูกห้ามเคลื่อนไหวและทำกิจกรรมอยู่ และให้ 3 ล้านคนทำหนังสือยืนยันกลับมาภายใน 30 วัน ในทางปฏิบัติทำได้หรือไม่ หากไม่ยืนยันก็ต้องหลุดไป

    ซึ่งเหมือนกับรีเซ็ตสมาชิกพรรค ซึ่งไม่ได้เป็นศูนย์แต่กลายเป็นติดลบ เพราะสมาชิกพรรคที่หลุดไปเสียความรู้สึกกับพรรคที่เขาผูกพันอยู่ ไม่แน่ใจว่า ระหว่างวันที่ 1-30 เม.ย. พวกตนจะสามารถไปทำงานเชิงธุรการ ที่จะให้สมาชิกเก่าทำหนังสือยืนยันและชำระเงินได้กี่คน ยังนึกไม่ออกเลยว่า จะทำอย่างไร ไม่ใช่ง่ายๆ แต่พรรคใหม่เขาเดินไปชักชวนใครก็ได้ ตนถึงบอกว่า ถ้ากล้าหาญพอทำไมไม่เปิดให้มีการแข่งขันอย่างตรงไปตรงมา 

    ในช่วงท้ายนายอภิสิทธิ์ได้กล่าวต่อด้วยว่า...อยากบอกกับสมาชิกพรรคที่มีหัวใจเป็นประชาธิปัตย์ ก็เป็นประชาธิปัตย์ต่อไป กฎหมายจะมากลั่นแกล้งบีบคั่นแบบนี้เพื่อให้หลุดไปก็ไม่เป็นไร แต่เชื่อว่า คนที่ยังมีอุดมการณ์ก็ยังมีอุดมการณ์อยู่ แต่การทำลายความผูกพันระหว่างสมาชิกกับพรรคแบบนี้ มองไม่เห็นประโยชน์ส่วนร่วม และทำให้ความอ่อนแอทางการเมืองมีมากขึ้น เพราะทุกอย่างจะกลายเป็นการแข่งขันเฉพาะหน้า

ระวังจะหน้าแตก!! "อภิสิทธิ์"ตีโพยตีพายจวก"คสช."รีเซตสมาชิกพรรค ไม่ตีความให้ดี เตือนก่อนจะแหก!!??
ทั้งนี้การกล่าวของนายอภิสิทธิ์ในประเด็นระยะเวลาบริหารจัดการสมาชิกพรรค สอดคล้องกับนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา. นักการเมืองรุ่นเก่าที่ได้ออกมาตีโพยตีพายก่อนหน้านี้

ดังนั้นเพื่อความชัดเจน เราจะได้พิจารณาคำสั่งคสช. 53/2560  อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ขณะนี้ ได้ถูกระบุไว้ ในข้อ1  ซึ่งกำหนดให้ยกเลิกความในมาตรา 140 มาตรา 141 และมาตรา 142  พ.ร.ป.พรรคการเมืองฉบับปี60 และให้ยึดตามคำสั่งนี้แทน

มาตรา 140 ให้พรรคการเมืองที่จัดตั้งหรือเป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่า ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550และยังดํารงอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ เป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ และให้ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองดังกล่าวที่ดํารงตําแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 24 เป็นสมาชิก และยังคง เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นต่อไป และให้สมาชิกซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 24 และประสงค์จะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นต่อไปมีหนังสือยืนยันการเป็นสมาชิกต่อ หัวหน้าพรรคการเมืองนั้น พร้อมทั้งแสดงหลักฐานการมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 24 และชําระค่าบํารุง พรรคการเมืองภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 เมื่อพ้นกําหนดเวลา ดังกล่าว สมาชิกผู้ใดมิได้มีหนังสือแจ้งยืนยันการเป็นสมาชิก ให้เป็นอันพ้นจากสมาชิกของพรรค การเมืองนั้น และให้พรรคการเมืองแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ พ้นกําหนดเวลาดังกล่าว 

ซึ่งผู้เชียวชาญด้านกฏหมายหลายต่อหลายท่าน ได้ลงความคิดเห็นว่า คำสั่งนี้น่าจะหมายถึงผู้ที่มีบทบาทหน้าที่ในการบริหาร หรือคณะกรรมการพรรคการเมืองนั้นๆ  มากกว่าที่จะเป็นสมาชิกพรรคธรรมดา เพราะในรายละเอียดบริบทของคำสั่ง ได้กล่าวถึง “คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง” ที่ต้องการให้ดำเนินการเรื่องหนังสือยืนยันการเป็นสมาชิกต่อ หัวหน้าพรรคการเมืองนั้น พร้อมทั้งแสดงหลักฐานการมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 24 และชําระค่าบํารุง พรรค ให้แล้วเสร็จภายใน30วัน  นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561

     ทั้งนี้ในส่วนของสมาชิกพรรทั่วไป ที่มีมากถึง 2,895,954 คน ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ด้วยบริบทของตามคำสั่งดังกล่าว ในการดำเนินการเพื่อยืนยันการมีอยู่ของสถานะสมาชิกพรรค  โดยให้รวบร่วมเป็นลักษณะขั้นบันได โดยสมาชิกพรรค ที่ผ่านหลักเกณฑ์อย่างถูกต้อง 
- ไม่น้อยกว่า 500 คน  ชำระค่าบำรุงพรรค ในระยะเวลา 180 วัน นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561
- ไม่น้อยกว่า 5,000 คน ชำระค่าบำรุงพรรค ในระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561
- ไม่น้อยกว่า 10,000 คน ชำระค่าบำรุงพรรค ในระยะเวลา 4 ปี นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561

 ซึ่งได้ถูกระบุไว้ในคำสั่งดังกล่าวว่า มาตรา 141 ในวาระเริ่มแรก ให้พรรคการเมืองตามมาตรา140 ดําเนินการในเรื่องและภายในระยะเวลา ดังต่อไปนี้

(2) จัดให้สมาชิกซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 24 จํานวนไม่น้อยกว่าห้าร้อยคนชําระค่าบํารุงพรรคการเมืองสําหรับปี พ.ศ.2561 ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่1 เมษายน 2561  และให้พรรคการเมืองแจ้งให้คณะกรรมการทราบพร้อมด้วย หลักฐานแสดงการชําระค่าบํารุงพรรคการเมืองภายในสิบห้าวันนับแต่วันพ้นระยะเวลาชําระค่าบํารุงพรรคการเมืองดังกล่าว

(3) จัดให้สมาชิกซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 24 ชําระเงินค่าบํารุงพรรคการเมืองให้ได้จํานวนไม่น้อยกว่าห้าพันคนภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 และให้ได้จํานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นคนภายในสี่ปีนับแต่วันที่1 เมษายน 2561  เมื่อพ้นระยะเวลาสี่ปีดังกล่าวแล้วให้สมาชิกภาพของสมาชิกที่มิได้ชําระค่าบํารุงพรรคการเมืองเป็นอันสิ้นสุดลง และให้นายทะเบียนสมาชิกแจ้งให้นายทะเบียนทราบ ตามรายการและวิธีการที่นายทะเบียนกําหนด


  นั้นเท่ากับว่าสมาชิกพรรคทั่วไป ที่นอกเหนือจากคณะกรรมการบริหารพรรค สามารถยืนแสดงหลักฐาน และจ่ายค่าบำรุงพรรค ทั้งหมดโดยมีระยะเวลารวบรวม นานถึง4ปีเลยทีเดียว  แต่อย่างไรก็ตามเพื่อความชัดเจนในเรื่องนี้ ก็ต้องฝากไปถึงทางคสช.เอง ในฐานะผู้ออกคำสั่งดังกล่าว ก็ต้องรีบออกมาชี้แจงรายละเอียดให้กระจ่าง  เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน ทั้งประชาชน พรรคการเมือง รัฐบาลและคสช. นำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้องและไม่คลาดเคลื่อน จนนำไปสู่ปมปัญหาบานปลายในอนาคต ถูกหยิบยกมากล่าวหาอีก ภายหลัง

   ส่วนฝ่ายพรรคการเมือง ถ้าสมาชิกพรรค มีความรักและศรัทธา เชื่อมั่นในอุดมการณ์ และแนวนโยบายนำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ของพรรคการเมืองของคุณจริง อย่างไรเสีย เขาก็ต้องมาดำเนินการต่อสมาชิกพรรค ซึ่งจะส่งผลดีกับพรรคนั้นๆ ที่จะได้สมาชิกที่มีคุณภาพ พร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้า

   อย่างไรก็ตามการออกมาตีโพยตีพายของบรรดาเหล่านักการเมือง โดยไม่ศึกษาทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งเสียก่อน ระวังจะหน้าแตก..ภายหลัง!!!