“สมาคมนักข่าวฯ”ประกาศอุดมการณ์!! อ้างถูกควบคุม-คุกคาม โซเชียลฮือ!!สวนกลับ ความจำเป็นของสื่อ?!ในภาวะโลกท่ีเปลี่ยนไป ภายใต้ยุคนิวมีเดีย!!

“สมาคมนักข่าวฯ”ประกาศอุดมการณ์!! อ้างถูกควบคุม-คุกคาม โซเชียลฮือ!!สวนกลับ ความจำเป็นของสื่อ?!ในภาวะโลกท่ีเปลี่ยนไป ภายใต้ยุคนิวมีเดีย!!

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 60  สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เผยแพร่รายงานสถานการณ์สื่อมวลชนประจำปี 2560 หัวข้อ “ควบคุม คุกคาม คลุกคลาน” โดยระบุว่าสถานการณ์ด้านสื่อในปี 2560 ภายใต้รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตกอยู่ในสถานการณ์ “ควบคุม คุกคาม คลุกคลาน” โดยอ้างว่า เป็นอีกปีหนึ่งที่สื่อยังคงปฏิบัติงานภายใต้การกำกับดูแลอย่างเข้มงวดของอำนาจรัฐ อีกทั้งเผชิญกับท่าทีของผู้นำที่มีอคติในการทำงานของสื่อ เป็นปีที่สื่อยังถูกกดดันจากการปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบอำนาจรัฐด้วยข้ออ้างเหตุผลความมั่นคงของรัฐ ถูกใช้เป็นเครื่องมือกดดัน แทรกแซงการทำงานของสื่ออยู่เสมอ นับเป็นอุปสรรคสำคัญในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล

 

สาระสำคัญรายงานสถานการณ์ดังกล่าวได้อ้างถึง การควบคุมสื่ออย่างเข้มข้นของรัฐบาล

 

โดยกล่าวถึง ..การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ผ่านการทำประชามติ เพื่อเตรียมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง คืนเสรีภาพให้ประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ขณะที่เนื้อหาในรัฐธรรมนูญได้รองรับสิทธิในการแสดงความคิดเห็น การพูด การพิมพ์ไว้ ในมาตรา 34 และมาตรา35 บัญญัติให้บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร หรือการแสดงความคิดเห็นตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ แต่คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 97 และ 103 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2557 ห้ามวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของคสช. โดยมีเจตนาเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของคสช. ยังคงมีผลบังคับใช้ เพื่อควบคุมการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอย่างเข้มงวด ทำให้การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนต้องระมัดระวังตัวและเซ็นเซอร์ตัวเอง โดยเฉพาะประเด็นตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล บุคคลในคณะรัฐบาล ต่อเรื่องความโปร่งใสต่างๆ ที่มักจะถูกเตือน และกดดันจากคนในรัฐบาล ส่งผลต่อเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน และการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน

 

และที่ขาดไม่ได้ ในประเด็น “การปฏิรูปสื่อ” ที่ผ่านมาสมาคมก็ได้แสดงออกมาโดยตลอดในการคัดค้าน ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ..ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มาเมื่อ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งบางช่วงได้ระบุว่า..

 

ความพยายาม “ควบคุม” สื่อมวลชน ยังสะท้อนผ่านการเสนอร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. .... ของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน ที่เสนอให้สภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ (สปท.) เห็นชอบ ซึ่งเป็นข้อเสนอในกรอบการปฏิรูปประเทศด้านสื่อจากแม่น้ำ 5 สายของคสช.

 

เนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว องค์กรวิชาชีพสื่อและนักข่าวได้รวมพลังคัดค้านอย่างหนัก เพราะเห็นเป็นกฎหมายที่มีหลักการควบคุมบังคับมากกว่าคุ้มครอง เปิดทางให้รัฐเข้าแทรกแซงการทำงานของสื่อ รวมถึงให้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสื่อ....

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมกับคณะกรรมการปฏิรูปด้านอื่น โดยตั้งตัวแทนจากภาครัฐ สปท. สื่อมวลชน และนักวิชาการเข้าร่วม เพื่อวางกรอบการปฏิรูปสื่อสารมวลชนทั้งระบบ แยกออกเป็น 6 ประเด็น อาทิ การปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมสื่อสารมวลชน การปฏิรูปดูแลสื่อออนไลน์ การปฏิรูประบบความปลอดภัยไซเบอร์ การปฏิรูประบบข้อมูลข่าวสารภาครัฐ และการปฏิรูปมาตรฐานวิชาชีพและระบบกำกับดูแลสื่อมวลชน ซึ่งในเรื่องหลังนี้ยังพบว่า มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองสื่อฉบับสปท. ให้พิจารณา รวมถึงยังมีความพยายามผลักดันแนวคิด “ควบคุมสื่อ” ผ่านกรรมการที่ใกล้ชิดภาครัฐ

 

แต่การออกมาประกาศเชิงกล่าวหา รัฐบาลกำลังคุกคามสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่ “สื่อมวลชน” พึงมี ในครั้งนี้กลับถูกตีกลับ จากสังคมออนไลน์ การยกตัวเหนือผู้อื่นใช้ อภิสิทธิ์ชน อ้างความเป็นสื่อ  อีกทั้งการทวงถามถึง “จรรยาบรรณสื่อ” ที่หายไป.. ??

 

(ตัวอย่างความคิดเห็น)

 

“สมาคมนักข่าวฯ”ประกาศอุดมการณ์!! อ้างถูกควบคุม-คุกคาม โซเชียลฮือ!!สวนกลับ ความจำเป็นของสื่อ?!ในภาวะโลกท่ีเปลี่ยนไป ภายใต้ยุคนิวมีเดีย!!

“สมาคมนักข่าวฯ”ประกาศอุดมการณ์!! อ้างถูกควบคุม-คุกคาม โซเชียลฮือ!!สวนกลับ ความจำเป็นของสื่อ?!ในภาวะโลกท่ีเปลี่ยนไป ภายใต้ยุคนิวมีเดีย!!

 

“สมาคมนักข่าวฯ”ประกาศอุดมการณ์!! อ้างถูกควบคุม-คุกคาม โซเชียลฮือ!!สวนกลับ ความจำเป็นของสื่อ?!ในภาวะโลกท่ีเปลี่ยนไป ภายใต้ยุคนิวมีเดีย!!

 

สะท้อนให้เห็นถึงประชาชนขาดความเชื่อมั่น ในการทำหน้าที่ของ สื่อมวลชน ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับคำนิยามว่าเป็น หมาเฝ้าบ้าน หรือเป็นผู้พิทักษ์ความยุติธรรม คอยตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในสังคม และประเทศ โดยเฉพาะการตีแผ่ความจริงที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา...

 

ประกอบกับในยุคที่ “ข่าวสาร” เปิดกว้างหลากหลาย ทั้งรูปแบบและเนื้อหา  และในวันนี้..วันที่“สื่อ” ไม่มีต้นทุนอีกต่อไป ส่งผลให้ประชาชนทุกเพศทุกวัยสามารถทำหน้าที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารเสมือนเป็นสื่อสารมวลชนทั่วไป…ภายใต้ยุคของการสื่อสาร ”นิวมีเดีย” กระจายไปสู่ผู้คนทั่วไปอย่างง่ายดาย  ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดียอย่าง facebook เกิดแฟนเพจน้อยใหญ่ขึ้นมากมาย อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงรับร้องเรียน เรื่องราวร้องทุกข์ต่างๆ ที่ไม่ชอบมาพากลของชาวบ้าน ซึ่งหลายๆประสบความสำเร็จได้โดยดี หรือจะเป็น twitter , line , Instagram   ที่สามารถใช้ส่งต่อข้อมูล พร้อมภาพและเสียง ได้อย่างรวดเร็ว ทุกทีทุกเวลา

 

จากสถิติ ตลอดปี 2559– เดือนพฤษภาคม 2560 พบว่าคนไทยยังใช้ facebook ถึง 47 ล้านคน ขณะที่คนใช้ Instagram 11 ล้านคน โตขึ้นถึง 41%  LINE มีผู้ใช้ 41 ล้านคน  ส่วน twitter นั้นน่าจับตามองสุดๆเพราะเติบโตมากที่สุดในทุก Social Media ในไทย โดยมีผู้ใช้ถึง 9 ล้านคน โตขึ้น 70% 

 

ก่อนจะสูญเกียรติ สิ้นศักดิ์ศรี และศรัทธาจากประชาชนไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ..มาถึงตอนนี้ผู้ที่เรียกตัว ระบุตนว่าเป็น  “สื่อมวลชน” ต้องกลับไปทบทวนตัวเอง บทบาทที่ผ่านมาได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากมายเพียงใด??..