3 วันอันตรายส่งท้ายปี สาเหตุยอดฮิตเมาแล้วขับ ดับแล้ว 167 ราย (รายละเอียด)

3 วันอันตรายส่งท้ายปี สาเหตุยอดฮิตเมาแล้วขับ ดับแล้ว 167 ราย (รายละเอียด)

วันที่ 31 ธ.ค.60 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เวลา 10.30 น. พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561

พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 โดย ปภ. และหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 30 ธ.ค.2560 ซึ่งเป็นวันที่ 3ของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” ว่าเกิดอุบัติเหตุ 649 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 73 ราย ผู้บาดเจ็บ 688 คนสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 47.92 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 21.88 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 78.77 รถปิคอัพ 8.07 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 65.95 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 39.29 ถนนใน อบต. และหมู่บ้าน ร้อยละ 34.51 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 26.66

ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,010 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,363 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 762,143 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 132,995 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 38,271 ราย ไม่มีใบขับขี่ 36,662 ราย

จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ และบุรีรัมย์ 27 ครั้ง  จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ บุรีรัมย์ และมหาสารคาม 5 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ บุรีรัมย์ 31 คน 

สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 3 วัน ตั้งแต่ 28 – 30 ธ.ค. 60  เกิดอุบัติเหตุรวม 1,702 ครั้ง  ผู้เสียชีวิตรวม 167 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 1,793 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือตายเป็นศูนย์  มี 21 จังหวัด ส่วนจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 62 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ศรีสะเกษ 9ราย  จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ บุรีรัมย์ 69 คน

สำหรับพฤติกรรมที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 3 อันดับแรกอันดับ 1 ยังเป็นการดื่มแล้วขับ 311 ครั้ง2. ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 142 ครั้ง 3.ทัศนวิสัยไม่ดี 107 ครั้ง ส่วนประเภทของรถที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 3อันดับแรก คือ 1 รถจักรยานยนต์ 527 คัน2. รถปิคอัพ 54 คัน 3.รถโดยสารสาธารณะ 28 คัน

พล.ต.ต. เอกรักษ์  กล่าวอีกว่า วันนี้ประชาชนยังเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ เดินทางท่องเที่ยวและทำบุญตามสถานที่ต่างๆ ศปถ. จึงได้สั่งการจังหวัดดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในมิติเชิงพื้นที่ โดยเพิ่มความเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการดื่มแล้วขับ การรวมกลุ่มแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์บนถนน มุ่งลดพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุตามหลัก “4 ห้าม 2 ต้อง” ได้แก่ ห้ามเร็ว ห้ามเมา ห้ามโทร ห้ามง่วง ต้องสวมหมวกนิรภัย และต้องคาดเข็มขัดนิรภัย  รวมถึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจเข้มข้นเส้นทางสายหลักและสายรองในช่วงเวลา 16.01 - 20.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่มีสถิติอุบัติเหตุสูง

ส่วนเส้นทางโดยรอบสถานบันเทิง และสถานที่จัดงานรื่นเริง ให้จัดชุดสายตรวจดูแลความปลอดภัยของประชาชน ในช่วงเวลา 23.00  - 02.00 น. เป็นพิเศษ เพื่อป้องปรามผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมดื่มแล้วขับ อีกทั้งได้เน้นย้ำด่านชุมชนให้ดูแลเส้นทางโดยรอบแหล่งท่องเที่ยว ศาสนาสถาน จุดเสี่ยงอันตรายที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เส้นทางสายรองที่เชื่อมต่อเส้นทางสายหลักในเขตชุมชน เพื่อมอบความปลอดภัยในการเดินทางเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชนชาวไทย

อย่างไรก็ตาม กรณีเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่มีผู้บาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต ให้จังหวัดกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ทุกราย หากไม่สามารถตรวจวัดแอลกอฮอล์ด้วยวิธีเป่าลมหายใจได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานสถานพยาบาลของภาครัฐดำเนินการเจาะเลือดตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์แทน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่ที่ดื่มแล้วขับ

ด้านนายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีปภ. และเลขานุการศปถ. กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 พบว่า เมาแล้วขับ และขับรถเร็ว เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ศปถ.จึงได้กำชับให้จังหวัดดำเนินมาตรการป้องกันในมิติเชิงพื้นที่โดยจัดตั้งด่านชุมชนคุมเข้าผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด รวมถึงจัดจุดพักรถให้ผู้ดื่มแล้วขับหยุดพัก จนกว่าจะสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย พร้อมทั้งกวดขันสถานบันเทิงให้เปิดปิดตามเวลาที่กำหนด และควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ขอฝากเตือนประชาชนเฉลิมฉลองและเดินทางท่องเที่ยในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างปลอดภัย ดื่มไม่ขับไม่ขับรถเร็ว ใช้อุปกรณ์นิรภัยทุกครั้งที่เดินทาง.

วันดียวกัน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(รองโฆษก ตร.) เปิดเผยสถิติการจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดใน 10 ข้อหาหลัก ช่วงเทศกาลวันปีใหม่ พ.ศ. 2561 ว่า ได้รับรายงานจาก ศปก.ตร. ว่า ในช่วง 3 วันแรกของการรณรงค์ ระหว่างวันที่ 28 - 30 ธ.ค. 60 มีผู้กระทำความผิดใน 10 ข้อหาหลัก โดยเรียงลำดับจากมากไปน้อยตามข้อหาหรือฐานความผิด 3 อันดับ คือ 1. ไม่สวมหมวกนิรภัย 96,158 ราย 2. ขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ 94,453 ราย 3. ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 43,309 ราย ส่วนข้อหาขับขี่รถในขณะเมาสุรา อยู่ในลำดับที่ 8 จำนวน 9,736 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ในช่วงเวลาเดียวกัน จำนวน 3,147 ราย คิดเป็น 47.76%

ทั้งนี้ ทางศูนย์อำนวยการและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศการปีใหม่ 2561 ได้สรุปอุบัติเหตุทางถนนช่วงระหว่างวันที่ 28 – 30 ธ.ค. 2560 เกิดอุบัติเหตุ 1,720 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 1,793 ราย เสียชีวิต 167 ราย สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับขี่รถในขณะเมาสุรา และขับรถโดยใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด สำหรับยานพาหนะที่เกิดเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ รถปิกอัพ