วิจารณ์ กับ การให้ข้อมูลอันเป็นเท็จแยกออกไหม??? หมวดเจี๊ยบ โดด ป้อง ชาญวิทย์ ย้ำอย่าใช้ กม.ปิดปากคนวิจารณ์รัฐบาล

วิจารณ์ กับ การให้ข้อมูลอันเป็นเท็จแยกออกไหม??? หมวดเจี๊ยบ โดด ป้อง ชาญวิทย์ ย้ำอย่าใช้ กม.ปิดปากคนวิจารณ์รัฐบาล

จากกรณีที่ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แชร์ภาพ และข้อความของผู้ใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊กว่า Ploy Siripong ซึ่งเผยแพร่ภาพและข้อความเข้าไปในกลุ่มสาธารณะ (Public Group) ตีแตกการเมือง โดย นายชาญวิทย์ ระบุข้อความว่า “ผู้นำ ต้องใช้ของแพงๆ Thai leaders must look expensive not cheap..”

เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)  ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สื่อโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์กระเป๋าถือของนางนราพร จันทร์โอชา ภริยาของตนเอง ว่าเป็นกระเป๋าแอร์เมส ราคาสูงถึง 2 ล้านบาท ว่า “ ก็เป็นกระเป๋าของศูนย์ศิลปาชีพไง”

ต่อมา พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 บก.ปอท. ได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์กระเป๋าถือของนางนราพร จันทร์โอชา ภรรยา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขณะเดินทางไปต่างประเทศ โดยบิดเบือนว่าเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมดัง มูลค่าถึง 2 ล้านบาท

วิจารณ์ กับ การให้ข้อมูลอันเป็นเท็จแยกออกไหม??? หมวดเจี๊ยบ โดด ป้อง ชาญวิทย์ ย้ำอย่าใช้ กม.ปิดปากคนวิจารณ์รัฐบาล

ล่าสุด วันที่ 19 ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง  หรือหมวดเจี๊ยบ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อยากฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าการดำเนินคดี อาจารย์ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ เพียงเพราะภรรยาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือกระเป๋าคนละยี่ห้อกับที่ระบุในเฟสบุ๊คของอาจารย์ ชาญวิทย์ นั้น ไม่ได้เป็นผลดีต่อรัฐบาล รวมทั้งครอบครัวของนายกฯ เพราะทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่า พล.อ.ประยุทธ์ และครอบครัว เป็นบุคคลที่แตะต้องไม่ได้หรือไง ทั้งๆ ที่เป็นบุคคลสาธารณะที่ต้องถูกตรวจสอบได้
ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความกลัวของเผด็จการทหาร ที่คงกลัวว่าจะไม่สามารถควบคุมความคิดของประชาชนได้ จึงใช้กฎหมายปิดปากนักวิชาการทึ่มีความเป็นอิสระและไม่ยอมรับตำแหน่งทางการเมืองเพื่อรับใช้ระบอบเผด็จการ
ถ้าบ้านเมืองมีคนที่กล้าตั้งคำถามเชิงตรวจสอบรัฐบาลแบบ อาจารย์ ชาญวิทย์ เยอะๆ ก็จะทำให้ประชาชนถูกล้างสมองได้ยากขึ้น ซึ่งรัฐบาลที่มีความเป็นเผด็จการย่อมไม่ชอบและหาทางกำจัดหรือ ดิสเครดิต
ที่จริงสิ่งที่อาจารย์ ชาญวิทย์ สงสัยนั้น ก็เป็นการตั้งคำถามแทนคนอื่นๆ ในสังคมด้วย ถ้ามันไม่จริง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ควรชี้แจงมา ชาวบ้านจะได้เข้าใจถูกต้อง ไม่ใช่ไปดำเนินคดีกับ อาจารย์ ชาญวิทย์ ทั้ง ๆ ที่ กรณีนี้ ก็ไม่เข้าข่ายองค์ประกอบความคิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ แต่กลับใช้กฎหมายคอมพิวเตอร์มาปิดปากผู้วิจารณ์รัฐบาล เหมือนกับที่ทำกับหลาย ๆ คนมาแล้ว
ขอเตือนด้วยความหวังดีว่า การเอาใจนายหรือเมียนายโดยการบิดเบือนหลักกฎหมายนั้นจะยิ่งทำให้กองหนุนของ พล.อ.ประยุทธ์ จะยิ่งหดหายหนักกว่าเดิมนะคะ.