- 19 ม.ค. 2561
“วัฒนา ภูมเรศ”สะท้อนค่านิยมรุนแรงปลุกฝังโดยแกนนำ รับลูกโดยรัฐบาล สร้าง"ค่าความตาย" แรงจูงใจความรุนแรงทางการเมือง!?
หนึ่งในผลผลิตแห่งความรุนแรง การปลูกฝังของ “แดงสายฮาร์ดคอ” อย่างนายวัฒนา ภุมเรศ มือระเบิดรพ.พระมงกุฏเกล้า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. วานนี้ (18 ม.ค.) ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีระเบิดในพื้นที่ กทม.ระหว่างปี 2550-2560 รวม 3 สำนวน ประกอบด้วยคดีหมายเลขดำ อ.3220/2560, อ.3221/2560 และ อ.3222/2560
โดยนายวัฒนา ให้การรับสารภาพทั้ง 3 สำนวน ซึ่งตลอดการพิจารณาคดีตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2560 นายวัฒนาถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ รวมโทษจากคำพิพากษา โดยศาลฯตัดสิ้นจำคุก ทั้ง 3 เป็นเวลา 80 ปี 6 เดือน ปรับ 1,000 บาท และชดใช้ค่าเสียหายรวม 140,000 บาท
โดยศาลให้นับโทษนายวัฒนาต่อจากคดีที่ศาลอาญาได้เคยพิพากษาไปแล้วอีก 2 สำนวนด้วย คือ คดีครอบครองวัตถุระเบิดที่บ้านพักของจำเลย ย่านบางเขน จำคุก 4 ปี ปรับ 975 บาท และคดีระเบิด รพ พระมงกุฏเกล้าฯ เดือน พ.ค.2560 จำคุก 27 ปี ปรับ 500 บาท เมื่อนับโทษจำคุกทั้ง 5 คดี คงจำคุกนายวัฒนา 111 ปี 6 เดือน ปรับ 2,475 บาท
ทั้งนี้พฤติกรรมของนายวัฒนาสะท้อนให้เห็น สิ่งทีถูกปลูกฝัง จากแกนนำทั้งใต้ดิน และบนดิน ของคนเสื้อแดง เสมือนเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ที่คนกลุ่มนี้นิยมใช้กัน อาทิแกนนำหน้าเทวี
“เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง” คำพูดของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2553
“ขอให้เสื้อแดงซึ่งอยู่ต่างจังหวัด ฟังภารกิจดังต่อไปนี้ ให้ไปรวมตัวกันอยู่ที่ศาลากลาง รอเวลาให้มีการปราบเมื่อไหร่ตัดสินใจได้ทันที” คำพูดของ จตุพร พรหมพันธุ์ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2553
“นัดกันคราวหน้า ถ้ารู้ว่าเขาจะปราบปราม ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก มาด้วยกัน ขวดแก้วคนละใบ มาเติมน้ำมันเอาข้างหน้าบรรจุให้ได้ 75 ซีซี ถึง 1 ลิตร ถ้าเรามา 1 ล้านคน ในกรุงเทพมหานครมีน้ำมัน 1 ล้านลิตร รับรองว่า กทม. เป็นทะเลเพลิงอย่างแน่นอน” คำพูดของ อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2553
นี่เป็นแค่คำพูดของบรรดาแกนนำคนเสื้อแดง ที่เคยพูดปลุกระดมชุมนุมปี 53 ไม่ต้องคิดถึงคำพูดของนายใหญ่เลย..ว่าจะรุนแรงแค่ไหน
คนเสื้อแดงในทำนองสื่อให้เกิดความรุนแรงตามมา เมื่อครั้งมีการชุมนุมเมื่อปี 2553 หรือก่อนหน้านั้น สิ่งรับรู้กัน ล้วนเป็นคำพูดชี้นำไปในการก่อเหตุเหนือความคาดหมายทั้งนั้น
นอกเหนือจะสร้างค่านิยมรุนแรงให้เกิดขึ้น ผ่านการเคลื่อนไหวทั้งใต้ดินและบนดิน ที่เลวร้าาย รัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการทุบสถิติงบเยียวยาเหยื่อทางการเมืองกว่า 2,000 ล้านบาท ผู้ที่ได้รับชดเชยในอัตราสูงสุดคือกรณีที่เสียชีวิต ได้ถึงรายละ 7.75 ล้านบาท โดยแยกเป็นค่าชดเชยการเสียชีวิต 4.5 ล้านบาท ค่าทำศพ 2.5 แสนบาท และค่าเยียวยาจิตใจสำหรับญาติผู้เสียชีวิตอีก 3 ล้านบาท
โดยไล่เบี้ยเยียวยากันตั้งแต่ช่วงก่อนเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 เป็นต้นมา จนกระทั่งถึงเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง (แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ) ที่ปลุกเร้ามวลชนเสื้อแดงสู่ภาวะกระหายเลือดสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินจำนวนไม่น้อย สร้างบรรทัดฐาน ‘ค่าความตาย’ แรงจูงใจสู่ปมปัญหาความรุนแรงทางการเมืองในอนาคต
ได้กำหนดอัตราเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงทางการเมืองได้ลดหลั่นกันตามลำดับ ดังนี้ (ตารางประกอบ)
ตัวเลขจำนวนมหาศาลเหล่านี้ จะยั่วยุให้การชุมชุมที่เข้าสู่สถานการณ์รุนแรง กล้าคิด กล้าลงมือปฏิบัติ เพราะ ได้ค่าตอบแทนเป็นเงินรางวัลก้อนโต คล้ายๆ กับเป็นการการันตี ว่าคุณได้สิทธิทำสงคราม ไม่เพียงแต่ไม่ต้องรับผิดในคดี ยังอาจจะได้บำเหน็จจากการกระทำนั้นด้วยซ้ำ แต่ถึงในทางจิตวิทยามวลชนของม็อบจะบอกว่าเกิดความรู้สึกฮึกเหิม