เดือด? ชาวเน็ตฉะหนัก“มาร์ค เคนท์ อดีตทูตอังกฤษ”ปมนาฬิกาหรู โดนจ้วงหนักทวีตเผือกแบบนี้แสดงความหยาบตื้น-เหยียดหยามคนอื่น

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 


อย่า...เผือกนี่เรื่องคนไทย?! ยับไป ชาวเน็ตฉะหนัก หลัง “มาร์ค เคนท์" อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันประจำอยู่ที่ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความนิรนามผ่านเครือข่ายทวิตเตอร์ระบุเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจงใจกล่าวถึงปมนาฬิกาฉาวของ "บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แบบจงใจแขวะตรง ๆ ซึ่งแปลสรุปใจความเป็นภาษาไทยได้ว่า

 

"ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมบางคนจะต้องมีนาฬิกา 25 เรือน แม้แต่ชาวอังกฤษที่ตรงเวลาที่สุด แต่คนเราก็มีแค่สองมือ และส่วนใหญ่ก็จะดูเวลาจากโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว"


อย่างไรก็ตาม หลังข้อความดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตที่เกาะติดการเมืองมานาน ก็สวนกลับในเรื่องนี้ทันที โดยบางเพจ (ขอสงานนาม) ถึงกับระบุว่า


เผือก!!!

“มาร์ค เคนท์” อดีตทูตอังกฤษประจำไทย ที่ตอนนี้ระเห็จไปเป็นทูตที่อาร์เจนตินา ยังอุตส่าห์ทำตัวเผือกจุ้นจ้านแทรกแซงการเมืองไทย


ด้วยการเผือกแสดงความคิดเห็นแบบโง่เง่าเต่าตุ่น แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจว่า 

 

"ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมบางคนจะต้องมีนาฬิกา 25 เรือน แม้แต่ชาวอังกฤษที่ตรงเวลาที่สุด แต่คนเราก็มีแค่สองมือ และส่วนใหญ่ก็จะดูเวลาจากโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว"


การทวีตแสร้งประชดการเมืองไทยแบบนี้ ได้แสดงถึงความโง่เง่าเต่าตุ่นและการชอบดูถูกเหยียดหยามคน


เพราะจริงๆแล้วคนเราชอบสะสมข้าวของต่างกัน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนเราจะมีของบางอย่างเยอะแยะ เพราะเขามีรสนิยมไม่เหมือนกัน บางคนชอบนาฬิกา บางคนชอบรถยนต์ บางคนชอบพระเครื่อง บางคนชอบที่ดิน บางคนชอบเพชรพลอยหรือทอง บางคนชอบตุ๊กตา 

อย่างผมขนาดไม่ใช่คนชอบสะสมนาฬิกา ยังมีนาฬิกามากกว่า 2 เรือน

ถ้าหากไอ้เบื๊อกอดีตทูตอังกฤษประจำไทยจะทำเป็นแสร้งโง่ว่าไม่เข้าใจคนเรามีแค่ 2 มือ ทำไมต้องมีนาฬิกาตั้ง 25 เรือน

ถ้าเช่นนั้นไม่ลองถามตัวมันเองสักหน่อยหรือว่า

“!! มรึงมีแค่คออันเดียว ทำไมมรึงเสือกมีเน็คไทมากกว่า 1 เส้น”

“!! มรึงมีแค่ 2 ตีน ทำไมมรึงเสือกมีรองเท้ามากกว่า 1 คู่”


ป.ล. ที่แย่หนักก็คือ ดันมีคนไทยฟาย ๆ ไปเห็นด้วยกับความคิดฟาย ๆ จากไอ้ฝรั่งเส็งเคร็งชอบเผือกเรื่องชาวบ้าน!!

 

อ่าน "ผมไม่แซะไม่กัดไม่จิกเรื่องนาฬิกา เพราะว่ามันเทียบไม่ได้กับหายนะการโกงข้าว-รถคันแรกนั่น "ข้อคิดที่น่ารับฟังยิ่งจาก"นักวิชาการดัง-สุวินัย"